มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ 25/2546
มติที่ 459/2546
เรื่อง ปัญหาการบริหารจัดการศาสนสมบัติของวัดทั่วราชอาณาจักร
มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๒๕/๒๕๔๖ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม มติที่ . เรื่อง ปัญหาการบริหารจัดการศาสนสมบัติของวัดทั่วราชอาณาจักร ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๒๕/๒๕๔๖ เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๖ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือ ที่ ศพศ ๐๗๘/๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๔๖ ถึงรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) แจ้งว่า คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภา-ผู้แทนราษฎร ได้จัดให้มีการประชุมเสวนาเรื่องปัญหาการบริหารจัดการศาสนสมบัติของวัด ทั่วราชอาณาจักรในวันจันทร์ ที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๖ ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ หมายเลข ๒๑๓-๒๑๖ ชั้น ๒ อาคารรัฐสภา และศูนย์-พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยและองค์กรเครือข่ายชาวพุทธ ได้ประชุมปรึกษาหารือกัน ที่ประชุมมีมติให้เสนอแนวทางปฏิบัติ เพื่อเสนอแนะต่อคณะกรรมาธิการการ-ศาสนาฯ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รวม ๘ ข้อ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ได้มีบัญชาให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติชี้แจงทุกข้อว่าเป็นไปได้หรือไม่ และมีบัญชาให้รายงานมหาเถรสมาคมทราบด้วย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติพิจารณาแล้ว ขอกราบนมัสการ ดังนี้ ๑. ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทำการสำรวจที่ดินวัดทั่วประเทศ ได้แก่ ที่ดินที่ตั้งวัด ที่ธรณีสงฆ์ ที่กัลปนา ให้ทราบจำนวนที่แน่นอนว่ามีกี่ไร่ หรือที่ดินที่ทางราชการขอใช้/เช่า หรือให้เอกชนเช่า รวมถึงที่ดินวัดร้างของแต่ละวัด โดยแยกประเภท - ๒ - ให้เห็นว่า ทางราชการขอใช้/ให้เช่า ที่ที่เอกชนเช่า และที่วัดร้าง เป็นการรีบด่วนให้เสร็จสิ้นภายใน ๓ เดือน ตอบ สำหรับวัดมีพระสงฆ์เป็นนิติบุคคล ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๓๑ วรรคสาม เจ้าอาวาสเป็นผู้แทนของวัดในกิจการทั่วไป ดังนั้น สำหรับที่วัดและ ที่ธรณีสงฆ์เป็นอำนาจของวัดในการดำเนินการ และวัดส่วนใหญ่ดำเนินการตามพระราช-บัญญัติคณะสงฆ์ กฎกระทรวง กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติมหาเถร-สมาคม และระเบียบที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว จำนวนวัดมีพระสงฆ์ทั่วประเทศ จำนวน ๓๓,๒๙๐ วัด สำหรับวัดร้างและศาสนสมบัติกลาง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติอยู่ระหว่างดำเนินการสังเคราะห์ข้อมูลที่ดินวัดร้างและศาสนสมบัติกลาง มีข้อมูลดังนี้ ๑.๑ ที่ดินวัดร้างและศาสนสมบัติกลางที่อยู่ในความดูแลของสำนักงาน-พระพุทธศาสนาแห่งชาติ วัดร้าง ๖,๙๖๐ วัด เนื้อที่ประมาณ ๖๐,๒๕๐ ไร่ ๕๑.๒๓ ตารางวา ศาสนสมบัติกลาง ๖๗ แห่ง เนื้อที่ประมาณ ๓,๓๓๐ ไร่ ๒ งาน ๑๔.๙๕ ตารางวา ๑.๒ ที่ดินศาสนสมบัติวัดที่มอบให้จัดประโยชน์แทน ๑๕๗ วัด ๒. ให้สำรวจที่ดินอยู่ที่ หมู่ที่ ตำบล อำเภอ จังหวัดใดบ้าง ตามข้อ ๑ โดยแยกประเภทให้ชัดเจน ตรวจสอบได้ว่าแต่ละจังหวัดมีเท่าไร ตอบ ในส่วนของวัดมีพระสงฆ์ดำเนินการตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ โดยวัดในเขตกรุงเทพมหานครได้จัดส่งหลักฐานการได้มาซึ่งที่ดิน หรือสิทธิอันเกี่ยวกับที่ดินเก็บไว้ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำหรับวัดในเขตจังหวัดอื่น ส่งไปเก็บรักษาไว้ ณ ที่ทำการศึกษาธิการจังหวัดนั้น ๆ - ๓ - สำหรับวัดร้างและศาสนสมบัติกลาง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้มีโครงการสำรวจข้อมูลที่ดินวัดร้างและศาสนสมบัติกลางทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสังเคราะห์ข้อมูลโดยได้แยกประเภทต่าง ๆ อย่างชัดเจน เช่น ที่ตั้งของที่ดิน เนื้อที่ที่ มีเอกสารสิทธิ ไม่มีเอกสารสิทธิ มีการจัดประโยชน์ในที่ดิน ไม่มีการจัดประโยชน์ในที่ดิน แผนผังแสดงตำแหน่งที่ตั้ง เป็นต้น ๓. เมื่อได้ข้อมูลตามข้อ ๑ และข้อ ๒ แล้วนำเสนอคณะกรรมการมหาเถร-สมาคมและรัฐบาลให้รับทราบ ตอบ ในการปฏิบัติตามข้อ ๑ และ ๒ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้นำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อทราบเป็นระยะ และมหาเถรสมาคมได้มีมติรับทราบ ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะได้นำข้อมูลดังกล่าวเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เพื่อทราบต่อไป ๔. ที่ดินที่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีอยู่ที่ศาล มีที่ดินของวัดใดบ้าง อยู่ที่ไหนบ้าง จำนวนกี่ไร่ ตอบ ที่ดินที่มีการฟ้องร้องเฉพาะวัดที่เจ้าอาวาสขอรับการสนับสนุนช่วยเหลือจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีจำนวน ๑๔ วัด ส่วนวัดอื่น ๆ ที่มีเรื่องฟ้องร้องทางวัดไปแล้ว จึงไม่อาจทราบจำนวน ๕. ให้แยกที่ดินที่มีโฉนด และ น.ส.๓ ให้ชัดเจน และถ้าหากหลักฐานจากวัดไม่มี ให้ติดต่อที่สำนักงานที่ดินจังหวัด หรือกรมที่ดิน ถ้าไม่มีจากสถานที่ดังกล่าว ก็ให้ติดต่อกรมแผนที่ทหารเพื่อขอดูภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศต่อไป ตอบ ในส่วนของวัดมีพระสงฆ์มีกฎกระทรวงฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ กำหนดเป็นแนวทางปฏิบัติในเรื่อง ดังกล่าวอยู่แล้ว สำหรับวัดร้างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ดำเนินการอยู่แล้ว ตามที่ได้รายงานไว้ในข้อ ๒ - ๔ - ๖. การทำสัญญาเช่าที่ดินของวัดในแบบสัญญาเช่าต้องระบุวัตถุประสงค์ให้ชัดเจนว่าเช่าไปทำอะไร เพราะอาจจะนำที่ดินวัดไปใช้กิจกรรมส่งเสริมอบายมุขก็ได้ ตอบ แบบร่างสัญญาเช่าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติส่งให้กับวัด มีวัตถุประสงค์การเช่าที่ดินชัดเจนอยู่แล้ว และในแบบร่างสัญญาเช่าต่างๆ ได้ผ่านการตรวจพิจารณากลั่นกรองจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว ๗. ให้มีคณะกรรมการจัดการบริหารศาสนสมบัติของวัดทั่วราชอาณาจักร โดยมีการสรรหาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญ มีน้ำใจอุทิศตนที่จะช่วยเหลือพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ไม่หาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองและพรรคพวก จำนวนไม่น้อยกว่า ๙ รูป/คน หรือไม่เกิน ๑๙ รูป/คน กรรมการได้ดำรงอยู่ในตำแหน่ง วาระละ ๔ ปี ถ้ามีผลงานดีเด่นให้ต่ออายุอีก ๔ ปี สำหรับคฤหัสถ์ ถ้ามีวุฒิด้านธรรมศึกษา นักธรรม เปรียญธรรม หรือมีความรู้ด้านพระพุทธศาสนา หรือจบจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ ทั้งสองแห่งสถาบันใดสถาบันหนึ่ง จะเป็นผลดีมากที่สุด ทั้งนี้ให้ประยุกต์รูปแบบการบริหาร-จัดการของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาเป็นตัวอย่าง ตอบ การจัดการศาสนสมบัติวัด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ดำเนินการตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติ-คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ และมีคณะกรรมการพิจารณางบประมาณศาสนสมบัติกลางประจำ (พศป.) ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่มหาเถรสมาคมแต่งตั้ง โดยมี สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม เป็นประธาน พระเถระชั้นผู้ใหญ่ จำนวน ๑๔ รูป และข้าราชการระดับผู้บริหารของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นกรรมการ เพื่อพิจารณาการให้เช่าที่ดินของวัดมีพระสงฆ์ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ หากจะเปลี่ยนแปลงกฎกระทรวงฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ หรือให้มี คณะกรรมการจัดการบริหารศาสนสมบัติวัดทั่วราชอาณาจักรที่มาจากการสรรหาตามข้อ ๗ ต้องได้รับความเห็นชอบจากมหาเถรสมาคมก่อน - ๕ - ๘. ให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เข้าไปตรวจสอบการเงินรายรับ จ่าย ของศาสนสมบัติกลางและศาสนสมบัติของวัดทั่วราชอาณาจักรด้วย เพราะหน่วยงานดังกล่าวมีสำนักงานอยู่ในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ สามารถที่จะขอความร่วมมือให้ตรวจสอบการเงินศาสนสมบัติกลางและศาสนสมบัติวัดทั่วประเทศได้ ตอบ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้จัดทำรายงานการเงินศาสน-สมบัติกลาง ส่งให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเป็นประจำทุกเดือน และในแต่ละปีเจ้าหน้าที่ตรวจเงินแผ่นดินจะเข้าตรวจสอบรายการเบิกจ่าย และงบการเงินศาสนสมบัติกลางเป็นประจำ ซึ่งเงินศาสนสมบัติกลางคือเงินที่เกิดจากการจัดประโยชน์ในที่ดินศาสนสมบัติกลางและ วัดร้าง ดูแลรักษาและจัดการโดยคณะสงฆ์ (มหาเถรสมาคม) โดยมอบให้คณะกรรมการพิจารณางบประมาณศาสนสมบัติกลางประจำ (พศป.) จัดทำงบประมาณทั้ง รายรับ-รายจ่าย เมื่อพิจารณาร่างงบประมาณศาสนสมบัติกลางประจำปีเสร็จแล้วจะนำเสนอมหาเถรสมาคมพิจารณาให้ความเห็นชอบงบประมาณดังกล่าว สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะนำ งบประมาณศาสนสมบัติกลางประจำปีเสนอรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบให้กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พิจารณาและลงนามประกาศใช้งบประมาณประจำปี เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จึงจะเบิกจ่ายเงินศาสนสมบัติกลางได้ ตามรายการและจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในงบประมาณศาสนสมบัติกลาง เงินศาสนสมบัติกลางคณะสงฆ์จะนำไปใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดประโยชน์และส่งเสริมกิจการคณะสงฆ์ ได้แก่การศาสนศึกษา การเผยแผ่ การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ ตามที่ได้กำหนดไว้ในงบประมาณ-ศาสนสมบัติกลางประจำปี โดยอนุโลมตามประเภทรายจ่ายในงบประมาณแผ่นดิน และ ยังมีประเภทรายจ่ายพิเศษตั้งไว้เป็นส่วนกลาง ได้แก่ งบกลางสำรองจ่าย สำหรับจ่ายตามมติมหาเถรสมาคม และงบสะสมทุนสำหรับค่าผาติกรรมที่ดินศาสนสมบัติกลางประจำ /สำหรับศาสนสมบัติของวัดทั่วราชอาณาจักร . - ๖ - สำหรับศาสนสมบัติของวัดทั่วราชอาณาจักร หากจะให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเข้าไปตรวจสอบการเงินรายรับ-รายจ่าย จะต้องดำเนินการแก้ไขกฎกระทรวงฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ต้องได้รับความเห็นชอบจากมหาเถรสมาคมก่อน ที่ประชุมรับทราบ พลตำรวจโท (อุดม เจริญ) เลขาธิการมหาเถรสมาคม
เอกสารประกอบเพิ่มเติม
เอกสารประกอบ 1 : CCF00292551_00075.pdf (248.06 kb)
จำนวนเข้าดู : 4103
ปรับปรุงล่าสุด : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00
ข้อมูลเมื่อ : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00