มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ 17/2564
มติที่ 579/2564
เรื่อง การขอยกวัดร้าง (ร้าง) จังหวัดอุบลราชธานี ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา
ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๑๗/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า สมเด็จพระวันรัต ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต ได้มีลิขิตที่ ๐๐๑/๑๒๗ ลงวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๒ แจ้งว่า ได้ส่งรายงานการขอยกวัดร้าง (ร้าง) หรือวัดโพธิ์ศรีอาราม (ร้าง) ตั้งอยู่ที่บ้านทุ่งมณี หมู่ที่ ๖ ตำบลนาเลิง อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานแล้ว ปรากฏว่าวัดโพธิ์ศรีอาราม (ร้าง) ไม่มีรายชื่อปรากฏในทะเบียนที่ดินวัดร้างและที่ดินศาสนสมบัติกลาง จังหวัดอุบลราชธานี แต่ปรากฏชื่อเป็นวัดร้าง (ร้าง) และในเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๖๒๐ ได้มีการแก้ไขชื่อจาก วัดโพธิ์ศรีอาราม (ที่ธรณีสงฆ์) เป็นวัดร้าง จึงเป็นเหตุให้การยกวัดร้าง ดังกล่าว ใช้ชื่อวัดว่า วัดร้าง (ร้าง) ในการนี้ พระราชสารโกศล และพระมหานายก ผู้แทนเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คือ นายภูมิไท ศศิวรรณพงศ์ นักวิชาการศาสนาชำนาญการ ได้ไปตรวจสอบแล้ว มีความเห็นสรุปดังนี้ วัดร้าง (ร้าง) ตั้งอยู่ที่ บ้านทุ่งมณี หมู่ที่ ๖ ตำบลนาเลิง อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี ที่ดินของวัดมีจำนวน ๔ ไร่ ๑ งาน ๓๖ ตารางวา ตาม น.ส.๓ ก. เลขที่ ๑๖๒๐ เหตุผลและความจำเป็นกรณีมีที่ดินไม่ถึง ๖ ไร่ เนื่องจากวัดร้างเป็นวัดเก่ามานานมีการออกเอกสารสิทธิที่ดินเป็น น.ส. ๓ ก. และจะสามารถออกโฉนดได้หากมีการยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาแล้ว ประกอบกับประชาชน ในพื้นที่รอบวัดจะได้มอบที่ดินให้กับวัดต่อไป อาคารเสนาสนะที่สร้างแล้ว คือ กุฏิสงฆ์ ๓ หลัง ศาลา ๓ หลัง อุโบสถ ฌาปนสถาน และห้องน้ำ ๒ หลัง มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ๕ รูป มีประชาชนให้การสนับสนุนทำนุบำรุงวัดประมาณ ๑,๑๐๐ คน ระยะห่างจากวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาในละแวกใกล้เคียง - ทิศเหนือ ห่างจากวัดป่าบ้านผือ ประมาณ ๔ กิโลเมตร - ทิศใต้ ห่างจากวัดบ้านเหล่าบาก ประมาณ ๓ กิโลเมตร - ทิศตะวันออก ห่างจากวัดดงหนองแคน ประมาณ ๓ กิโลเมตร - ทิศตะวันตก ห่างจากวัดบ้านทุ่งมณี ประมาณ ๓๕๐ เมตร เหตุผลความจำเป็นกรณีระยะห่างจากวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษาไม่ถึง ๒ กิโลเมตร เนื่องจากวัดร้าง (ร้าง) เป็นวัดเก่าที่สร้างขึ้นก่อนการประกาศกฎกระทรวงฯ ที่มีการกำหนดระยะห่างระหว่างวัด จึงทำให้ตั้งอยู่ห่างจากวัดอื่นไม่เกิน ๒ กิโลเมตร อีกทั้งชาวบ้านทุ่งมณี หมู่ ๖ และหมู่ ๘ ได้ร่วมกันดูแลปฏิสังขรณ์วัดมาโดยตลอด โดยใช้เป็นฌาปนสถานประจำชุมชน เนื่องจากตั้งอยู่ห่างจากชุมชนพอสมควร การขอยกวัดร้าง (ร้าง) ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ดังกล่าว ได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวง การสร้าง การตั้ง การรวม การย้าย และการยุบเลิกวัด การขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา และการยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา พ.ศ. ๒๕๕๙ ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยได้ผ่านความเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง และเจ้าคณะพระสังฆาธิการตามลำดับจนถึงสมเด็จพระวันรัต ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต และสมเด็จพระพุฒาจารย์ ผู้พิจารณากลั่นกรองการขอยกวัดร้างฯ ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว พร้อมกับมีบัญชาให้นำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณา จึงขอประทานเสนอที่ประชุมเพื่อโปรดพิจารณา ที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบให้ยกวัดร้าง (ร้าง) ตำบลนาเลิง อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา และให้เปลี่ยนชื่อจาก วัดร้าง (ร้าง) เป็นวัดศรีโพธิ์ธาราม (ร้าง) และให้ดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุม
เอกสารประกอบเพิ่มเติม
เอกสารประกอบ 1 : c_17300864_579 ขอยกวัดร้าง (ร้าง) จังหวัดอุบลราชธานี.pdf (167.81 kb)
จำนวนเข้าดู : 1921
ปรับปรุงล่าสุด : 7 กันยายน พ.ศ. 2564 14:29:49
ข้อมูลเมื่อ : 7 กันยายน พ.ศ. 2564 14:29:49