• หน้าหลัก
  • มหาเถรสมาคม
    • เกี่ยวกับมหาเถรสมาคม
    • อำนาจหน้าที่ของมหาเถรสมาคม
    • กองงานในสังกัดมหาเถรสมาคม
    • คณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ของมหาเถรสมาคม
    • การประชุมมหาเถรสมาคม
    • กรรมการมหาเถรสมาคม
    • มหาเถรสมาคมกับการปกครองคณะสงฆ์
  • สำนักเลขาธิการฯ
    • เกี่ยวกับสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม
    • วิสัยทัศน์ พันธกิจ อำนาจหน้าที่
    • กลุ่มงานภายใน
    • ทำเนียบผู้บริหาร
    • อัตรากำลังของสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม
    • บุคลากรสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม
    • ทำเนียบเจ้าหน้าที่สำนักฯ - ผู้บริหาร
    • ทำเนียบเจ้าหน้าที่สำนักฯ - กลุ่มงานในสมเด็จพระสังฆราช
    • ทำเนียบเจ้าหน้าที่สำนักฯ - กลุ่มงานมหาเถรสมาคม
    • ทำเนียบเจ้าหน้าที่สำนักฯ - กลุ่มกิจการคณะสงฆ์
    • ทำเนียบเจ้าหน้าที่สำนักฯ - กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา
    • ทำเนียบเจ้าหน้าที่สำนักฯ - สถาบันพระสังฆาธิการ
    • ข้อมูลการติดต่อสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม
  • มติมหาเถรสมาคม
  • สรุปการประชุม
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อ

มติมหาเถรสมาคม

ครั้งที่ 03/2547

มติที่ 32/2547

เรื่อง พระภิกษุสามเณรถูกทำร้ายและฆาตกรรม ที่จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดยะลา

มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๓/๒๕๔๗ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม มติที่ …………………………………………………… เรื่อง พระภิกษุสามเณรถูกทำร้ายและฆาตกรรม ที่จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดยะลา ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๓/๒๕๔๗ เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๔๗ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า ตามที่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นบริเวณ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา นราธิวาส และปัตตานี กรณีพระภิกษุและสามเณรถูกทำร้ายและฆาตกรรมขณะบิณฑบาตที่จังหวัดนราธิวาสและจังหวัดยะลา โดยกลุ่มคนร้ายใช้มีดเป็นอาวุธ เป็นเหตุให้พระภิกษุและสามเณรถึงมรณภาพ จำนวน ๓ รูป และบาดเจ็บสาหัส ๑ รูป ประกอบกับสื่อมวลชนได้ลงข่าวดังกล่าว เป็นที่สะเทือนใจแก่พุทธศาสนิกชน ดังเป็นที่ทราบโดยทั่วไปแล้ว นั้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปจังหวัดนราธิวาสและจังหวัดยะลา ตั้งแต่วันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๔๗ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และเพื่อการปลอบขวัญกำลังใจแก่พระภิกษุสามเณร รวมทั้งประสานงานกับเจ้าคณะผู้ปกครองในเหตุการณ์ดังกล่าว และเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๔๗ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธ-ศาสนาแห่งชาติและคณะ ได้เดินทางไปร่วมงานประกอบพิธีฌาปนกิจศพพระภิกษุสามเณรที่มรณภาพที่วัดอุไรรัตนาราม อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส และเยี่ยมเคารพศพพระภิกษุสามเณร ที่จังหวัดยะลา พร้อมทั้งได้ร่วมประชุมกับเจ้าคณะจังหวัดยะลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นางสิริกร มณีรินทร์) และเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เกี่ยวกับ สภาวการณ์ที่ไม่ปกติ และความไม่ปลอดภัยของพระภิกษุสามเณร อาคารเสนาสนะของวัด - ๒ - สรุปได้ว่า การออกบิณฑบาตของพระภิกษุสามเณร ควรปรับให้เหมาะกับสถานการณ์ และไม่ให้ผิดกับหลักพระธรรมวินัย เช่น ปรับการออกบิณฑบาตให้สายขึ้นกว่าเดิม การบิณฑบาตโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือชาวบ้านช่วยคุ้มกัน รวมทั้งให้ชาวบ้านนำภัตตาหารมาถวายแก่พระภิกษุสามเณรที่วัด ส่วนวัดที่อยู่ห่างไกล ให้พระภิกษุสามเณรเข้ามา จำพรรษาชั่วคราวที่วัดเจ้าคณะจังหวัด และให้ชาวบ้านช่วยดูแลวัดเป็นการชั่วคราวในช่วงเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสภาพขวัญและกำลังใจของพระภิกษุสามเณร และชาวพุทธในพื้นที่ดังกล่าว พบว่า ยังมีสภาพที่ไม่ดีนัก ประกอบกับได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารในพื้นที่ได้ช่วยเข้าไปดูแลคุ้มครองวัดและพระภิกษุสามเณรเป็นอย่างดี และกำลังดำเนินการแก้ปัญหา รวมทั้งดำเนินการสืบสวนสอบสวน และหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างเร่งด่วนต่อไป อนึ่ง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้นำเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับงานพิธีมอบสัญญาบัตร พัดยศ แก่พระสงฆ์ในเขตปกครองคณะสงฆ์ หนใต้ ในวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ ณ วัดเมืองยะลา อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา เสนอต่อที่ประชุม เจ้าคณะจังหวัดยะลา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกฝ่าย รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นางสิริกร มณีรินทร์) ซึ่งที่ประชุมได้ห่วงใยในปัญหาการจัดงานดังกล่าว และสรุปได้ว่า สามารถดำเนินการจัดงานมอบสัญญาบัตรพัดยศตามกำหนดการและ สถานที่เดิมได้ เนื่องจากได้ประเมินสถานการณ์แล้ว ทุกฝ่ายสามารถควบคุมสถานการณ์ ส่วนความช่วยเหลือในเบื้องต้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ถวายความช่วยเหลือพระภิกษุสามเณรในเขต ๓ จังหวัดเป็นการเร่งด่วน โดยส่งข้าวสารอาหารแห้ง ถวายแก่เจ้าคณะจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เพื่อสนับสนุนกรณีการขาดแคลนอาหารบิณฑบาต โดยจัดส่งไปตั้งแต่วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๔๗ รวมทั้งจัดสรร เงินอุดหนุนจากงบกองทุนสงเคราะห์พระภิกษุประสบภัยแก่จังหวัดทั้ง ๓ จังหวัดละ - ๓ - ๕๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้เจ้าคณะจังหวัดดำเนินการช่วยเหลือวัดในปกครองโดยด่วน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นว่า จากสถานการณ์ที่ ไม่สงบในเขต ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่และความปลอดภัยของพระภิกษุสามเณร รวมทั้งขวัญกำลังใจของชาวพุทธที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ในชั้นต้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจักได้สนับสนุนภัตตาหารและส่งเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมเยือน ประสานกับเจ้าคณะปกครองและเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ โดยแจ้งความห่วงใยของคณะสงฆ์และรัฐบาลในกรณีดังกล่าว พร้อมทั้งจักได้จัดประชุมหารือเพื่อหามาตรการในการรักษาความปลอดภัยและแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกับเจ้าอาวาส คณะสงฆ์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนโดยด่วน เพื่อสรุปเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา รวมทั้งจัดทำมาตรการรักษาความปลอดภัยแก่วัดและพระภิกษุสามเณรต่อไป และได้นำเรื่องนี้เสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เพื่อทราบด้วยแล้ว อนึ่ง จากกรณีดังกล่าวได้มีพุทธศาสนิกชนหลายท่านได้ให้ความสนใจและห่วงใยในสวัสดิภาพของพระภิกษุสามเณรในพื้นที่ ๓ จังหวัดดังกล่าว พร้อมทั้งได้เสนอให้แก้ไขปัญหา โดยให้รัฐประสานกับเจ้าคณะผู้ปกครองคณะสงฆ์ เพื่อปกป้องพระภิกษุสามเณรให้ดำเนินชีวิตในพื้นที่ได้อย่างปลอดภัย และมีความมั่นใจในการปฏิบัติศาสนกิจ รวมทั้งการถวายการยกย่องเชิดชูเกียรติพระภิกษุสามเณรที่ถึงมรณภาพในเหตุการณ์เช่นนี้ เช่นเดียวกับการยกย่องเชิดชูเกียรติแก่เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจที่ถึงแก่ชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ เช่น การให้พระสงฆ์ทั่วสังฆมณฑลสวดมนต์ภาวนา ปลงธรรมสังเวช หรือการดำเนินการใด ๆ ตามสมควร เพื่อไว้อาลัยให้แก่พระภิกษุสามเณรที่ถึงมรณภาพ ดังเช่นที่คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินการ คือ การทำบุญครบรอบ ๗ วัน ให้แก่พระภิกษุสามเณร ที่ถึงมรณภาพที่จังหวัดยะลา โดยการนิมนต์พระสงฆ์ ๓,๐๐๐ รูป มาสวดมาติกาบังสุกุลอุทิศถวาย ในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๔๗ เป็นต้น - ๔ - สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นสมควรนำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณา ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติว่า มหาเถรสมาคมมีความห่วงใยพระภิกษุสามเณรที่ถูกฆาตกรรมถึงมรณภาพ จำนวน ๓ รูป และได้รับบาดเจ็บ ๑ รูป และวัด ต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อการร้าย โดยให้คณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติและอุบัติภัย ซึ่งมี พระธรรมวโรดม เป็นประธาน พิจารณาอนุมัติเบิกเงินจาก กองทุน “ทุนวัดช่วยวัด” ซึ่งพระสังฆาธิการตั้งแต่พระครูสัญญาบัตรขึ้นไปถึงเจ้าคณะใหญ่ทั้ง ๕ หน ร่วมกันบริจาคนิตยภัตปีละหนึ่งเดือน ตั้งเป็นกองทุนไว้ เพื่อนำไปมอบให้เป็นค่าบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระภิกษุและสามเณรที่ถึงมรณภาพ ๓ ศพ ๆ ละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) ถวายเป็นค่ารักษาพยาบาลแก่พระภิกษุผู้ได้รับบาดเจ็บ ๑ รูป เป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) รวมเป็นเงิน ๔๐๐,๐๐๐ บาท (สี่แสนบาทถ้วน) และจัดถวายวัดต่าง ๆ ที่มีพระภิกษุสามเณรไม่สามารถออกบิณฑบาตได้เป็นค่าภัตตาหารรูปละ ๑๐๐ บาทต่อวัน เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น จนกว่าเหตุการณ์จะกลับสู่ภาวปกติและสามารถออกบิณฑบาตได้ โดยให้เจ้าคณะจังหวัด ในฐานะประธานคณะ-อนุกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ เป็นผู้พิจารณาและจ่ายเงินสำรองไปก่อน แล้วทำเรื่องขอเบิกเงินคืนจากประธาน ในภายหลัง และให้ดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุม (นายถวิล สมัครรัฐกิจ) รองผู้อำนวยการ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เลขาธิการมหาเถรสมาคม

เอกสารประกอบเพิ่มเติม

เอกสารประกอบ 1 : CCF00392551_00013.pdf (197 kb)

จำนวนเข้าดู : 1248

ปรับปรุงล่าสุด : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00

ข้อมูลเมื่อ : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00

 
 
Tweet  
 

มหาเถรสมาคม

อาคารหลวงพ่อวัดปากน้ำ พุทธมณฑล
ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170

โทรศัพท์ : 02 441 7992
สำหรับเจ้าหน้าที่เว็บไซต์

© Copyright 2025 มหาเถรสมาคม All Rights Reserved