มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ 11/2565
มติที่ 390/2565
เรื่อง พระภิกษุเกี่ยวข้องกับการเมือง และไม่ประพฤติปฏิบัติตามมติมหาเถรสมาคม
ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๕ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๒๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ ที่ประชุมได้มีมติให้ประกาศให้พระภิกษุปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ดังต่อไปนี้ ๑. ให้พระสังฆาธิการปฏิบัติและกวดขันมิให้พระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง ตามคำสั่งมหาเถรสมาคม ลงวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๓๘ ๒. ห้ามเจ้าอาวาสใช้ ยินยอม หรืออนุญาตให้ใช้วัดเป็นสถานที่จัดชุมนุม ประชุม สัมมนา เสวนา หรือกิจกรรมที่มีลักษณะหรือเนื้อหาที่อาจเป็นการละเมิดกฎหมาย หรือกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือให้ใช้จัดกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง ๓. หากมีผู้มาใช้วัดเป็นสถานที่จัดกิจกรรมดังกล่าวในข้อ ๒ โดยพลการให้เจ้าอาวาสเข้าป้องกัน ห้ามปราม หรือระงับมิให้มีกิจกรรมนั้นในวัดต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็น ให้ขออารักขาจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ สภาพปัจจุบัน มีพระภิกษุบางรูปยังไม่ประพฤติปฏิบัติให้เป็นไปตามมติมหาเถรสมาคม และบางรูปเข้าไปเป็นคณะกรรมาธิการ คณะอนุกรรมาธิการ หรือที่ปรึกษาในคณะกรรมาธิการ หรือคณะอนุกรรมาธิการ ซึ่งประเด็นดังกล่าวทำให้สังคมเกิดความสงสัยว่า กรณีพระภิกษุไม่ปฏิบัติตาม มติมหาเถรสมาคมในเรื่องห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งมหาเถรสมาคม มีมาตรการหรือข้อตำหนิโทษประการใด เนื่องจากคณะกรรมาธิการอนุกรรมาธิการและที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการเป็นภาระหน้าที่ของฝ่ายการเมืองอันมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ทำหน้าที่ดังกล่าว สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นควรนำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณาในประเด็น ดังนี้ ๑. กรณีที่มีพระภิกษุบางรูปไม่ปฏิบัติตามมติ หรือคำสั่งมหาเถรสมาคมควรมีมาตรการ และข้อตำหนิโทษประการใด จึงจะเหมาะสมกับสมณสารูป ๒. กรณีพระภิกษุบางรูปไปเป็นกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ หรือที่ปรึกษา ในคณะกรรมาธิการ หรือคณะอนุกรรมาธิการ จะถือว่าเป็นการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ ที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติ ดังนี้ ๑. กรณีพระภิกษุไปร่วมเป็นกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ หรือที่ปรึกษาในคณะกรรมาธิการ ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของฝ่ายการเมืองที่ดำเนินการโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา มอบให้ประธานฝ่ายปกครองที่มหาเถรสมาคมแต่งตั้งไปพิจารณากำหนดแนวทาง วิธีการ หรือมาตรการให้ชัดเจน ในการตำหนิโทษ หรือป้องปรามเป็นลายลักษณ์อักษร ๒. กรณีหน่วยราชการที่ขอให้กรรมการมหาเถรสมาคมหรือพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เป็นที่ปรึกษา หรือกรรมการ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ ให้เสนอผ่านมหาเถรสมาคมพิจารณา ๓. กรณีรัฐสภา ขอให้กรรมการมหาเถรสมาคมไปเป็นกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ หรือที่ปรึกษาในคณะกรรมาธิการ มอบให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้แทนมหาเถรสมาคม และเมื่อดำเนินการในนามมหาเถรสมาคมแล้วให้รายงานมหาเถรสมาคมทราบ ๔. กรณีรัฐสภาขอพระภิกษุรายรูป ต่อพระภิกษุโดยตรงปฏิบัติภารกิจของฝ่ายการเมือง ให้พระภิกษุรูปนั้นแจ้งผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด เสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับ จนถึงมหาเถรสมาคมพิจารณา ๕. มอบสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแจ้งมติมหาเถรสมาคมต่อรัฐสภาทราบแนวปฏิบัติดังกล่าว และให้ดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุม
เอกสารประกอบเพิ่มเติม
เอกสารประกอบ 1 : c_11290465_390 พระภิกษุเกี่ยวข้องกับการเมือง ปละไม่ประพฤติปฏิบัติตามมติมหาเถรสมาคม.pdf (707.46 kb)
จำนวนเข้าดู : 1874
ปรับปรุงล่าสุด : 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 10:08:52
ข้อมูลเมื่อ : 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 13:53:52