มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ 08/2547
มติที่ 124/2547
เรื่อง การประชุมเกี่ยวกับปัญหาในภาคใต้
มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๘/๒๕๔๗ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม มติที่ .. เรื่อง การประชุมเกี่ยวกับปัญหาในภาคใต้ ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๘/๒๕๔๗ เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๔๗ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติร่วมกับคณะสงฆ์ได้จัดประชุมที่วัดโคกสมานคุณ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๔๗ เวลา ๑๓.๓๐ ๑๖.๐๐ น. ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ได้ร่วมประชุมด้วย ในส่วนของพระสังฆาธิการที่เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด พระภิกษุ และพุทธศาสนิกชน จำนวน ๓๓ รูป/คน ในการประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ๒ ประการ คือ ๑. การแก้ปัญหาเร่งด่วน เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๔๗ ที่จังหวัดปัตตานี โดยสรุป คือ การเสนอการแก้ปัญหาในระยะเร่งด่วน ๓ เดือน คือ เดือนเมษายน พฤษภาคม และมิถุนายน ๒๕๔๗ สำนักงานพระพุทธศาสนา-แห่งชาติได้เสนอโครงการ ๔ โครงการ คือ ๑.๑ โครงการบรรพชาสามเณร โดยจะเน้นที่จังหวัดพัทลุง สงขลา สตูล ยะลา นราธิวาส และปัตตานี โดยให้ ๔ จังหวัด ได้แก่ สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เป็นแกนนำ และให้จังหวัดพัทลุงและจังหวัดสงขลา เป็นส่วนเสริมและประสานงาน ส่วนวิทยากรจะอาราธนาจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่ง การบรรพชาสามเณรมีกำหนด ๒๐ วัน คัดเลือกผู้สมัครจังหวัดละ ๒๐๐ คน ๑.๒ โครงการค่ายพุทธบุตร มีกำหนด ๕ วัน คัดเลือกผู้สมัครจังหวัด ละ ๓๐๐ คน ๑.๓ โครงการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติ งาน ๑.๔ โครงการ ครอบครัวอบอุ่นด้วยพระธรรม เข้าปฏิบัติธรรมตอนเย็นวันศุกร์ แล้วออกตอนเย็นวันอาทิตย์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ของบสนับสนุนจากรัฐบาล จำนวน ๔,๔๘๐,๐๐๐ บาท (สี่ล้านสี่แสนแปดหมื่นบาทถ้วน) ซึ่งรองนายกรัฐมนตรียินดีที่จะให้การสนับสนุน ๒. การแก้ปัญหาระยะยาว รัฐบาลกำหนดไว้ ๓ ปี แต่สำนักงานพระพุทธ-ศาสนาแห่งชาติ จะกำหนด ๕ ปี และจะประชุมเพื่อกำหนดแผนปฏิบัติงานที่วัดชัยมงคล อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ในวันที่ ๒๘ - ๒๙ มีนาคม ๒๕๔๗ โดยมี เจ้าคณะใหญ่หนใต้ เป็นประธาน และผู้แทนมหาเถรสมาคม ๔ รูป เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อพิจารณา งบประมาณสนับสนุน จะเสนองบดำเนินการปีละประมาณ ๑๕ ล้านบาท และมีการประเมินผล ทุกปี ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะดำเนินการเรื่องนี้ให้ชัดเจนต่อไป สรุปประเด็นการอภิปรายของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ก็คือนายกรัฐมนตรีมีความชื่นชมต่อบรรพชิตทั้งในภาคต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จังหวัด ชายแดนภาคใต้ ซึ่งยังยืนหยัดที่จะต่อสู้ต่อไป รัฐบาลทราบดีว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และความเกิดขึ้นของปัญหาในครั้งนี้เป็นความรุนแรงแบบเบ็ดเสร็จเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่มาจากหลายสาเหตุ รัฐบาลมีมาตรการในการแก้ปัญหา ๓ ประการ คือ ๑. มาตรการทางเศรษฐกิจ รัฐบาลจะทุ่มทรัพยากรลงไปแก้ปัญหา จะมีโครงการหลายโครงการที่จะจัดลงที่ ๓ จังหวัดนี้ เพราะในระยะเวลา ๑๕ ปี ที่ผ่านมา สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานว่า มีการลงทุนใน ๓ จังหวัดนี้น้อยมาก และมีจังหวัดที่ยากจนที่สุดนอกจาก ๓ จังหวัดแล้ว คือจังหวัดพัทลุง เพราะว่ามีการไปลงทุนน้อยมาก รัฐบาลจะปรับแก้และทุ่มการลงทุนลงไป เพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจแบบเบ็ดเสร็จ ๒. มาตรการทางการเมืองการปกครอง มีการเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก เพราะกฎอัยการศึกทำให้ข้าราชการทหารมีอำนาจเหนือข้าราชการพลเรือน และได้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๔๗ แต่การใช้กฎอัยการศึกมีมาก่อนแล้ว เป็นแต่เพียงไม่ได้ประกาศใช้ในหลาย ๆ เรื่อง เพราะฉะนั้น รัฐบาลยืนยันจะยังไม่ ยกเลิก แต่จะดูแลการประกาศใช้ในรายละเอียดให้มีความเหมาะสม เพราะเห็นว่า การใช้ กฎอัยการศึกยังมีความจำเป็นอยู่ ๓. มาตรการทางการศึกษา ศิลปวัฒนธรรม และศาสนา รัฐบาลเห็นว่า เพื่อให้ประชาชนที่นับถือศาสนาที่แตกต่างกัน สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ร่วมกันอย่างสันติสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลปรารถนา รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีผลการวิเคราะห์ว่า มีปัจจัยที่สำคัญที่สุดอยู่ ๒ ประการ ที่ทำให้คนไทยสามารถรวมกันได้อย่างสันติสุข คือ ๑. ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ท่านทรงเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของประชาชน ๒. การที่ประเทศไทยให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงอย่างยิ่งที่พระจะทิ้งวัด เพราะฉะนั้น รัฐบาลจะถวายการรักษาความปลอดภัยและการสนับสนุนทุกประการ เพื่อรักษาปราการด่านนี้ไว้ รองนายกรัฐมนตรีมีความคิดว่า การที่รัฐบาลจะให้ทุกตำบล มีปลัดอำเภอประจำตำบล รวมทั้งหมด ๒๕๐ ตำบล ใน ๓ จังหวัด ก็อาจจะพิจารณาให้ปลัดอำเภอ ไปพักอยู่ที่วัดหรือพักอยู่ใกล้กับวัดให้มากที่สุด ซึ่งจะได้ประสานในรายละเอียดต่อไป รองนายกรัฐมนตรีได้พิจารณาจากการฟังความคิดเห็น ซึ่งเป็นข้อเสนอของเจ้าคณะจังหวัด ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า จะขอเพิ่มตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดในบริเวณจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้มีผู้ปฏิบัติงานในฝ่ายบริหารเพิ่มขึ้น รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลมีแนวความคิดที่จะให้มีอนุพุทธมณฑลตามภาคและจังหวัดต่าง ๆ เพื่อเป็นศูนย์รวมในการดำเนินการกิจการทางพระพุทธศาสนาในส่วนภูมิภาคเช่นเดียวกับที่มีอยู่ในส่วนกลางที่พุทธมณฑล โดยสรุปแล้ว รัฐบาลจริงจังกับการแก้ปัญหาในภาคใต้ และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนและแก้ปัญหา โดยให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการ แล้วรีบแจ้งให้รัฐบาลทราบ พร้อมกับให้ประสานดำเนินงานแล้วสนองงานคณะสงฆ์ให้ใกล้ชิดต่อไป สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นควรนำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดทราบ ที่ประชุมรับทราบ
เอกสารประกอบเพิ่มเติม
เอกสารประกอบ 1 : CCF00392551_00105.pdf (157.95 kb)
จำนวนเข้าดู : 995
ปรับปรุงล่าสุด : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00
ข้อมูลเมื่อ : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00