ครั้งที่ 09/2547

มติที่ 138/2547

เรื่อง สรุปผลการประชุมสัมมนาพระสังฆาธิการในเขต ๕ จังหวัด ชายแดนภาคใต้

มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๙/๒๕๔๗ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม มติที่ …………………………………………………….. เรื่อง สรุปผลการประชุมสัมมนาพระสังฆาธิการในเขต ๕ จังหวัด ชายแดนภาคใต้ ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๙/๒๕๔๗ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๔๗ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้จัดประชุมสัมมนาพระสังฆาธิการในเขต ๕ จังหวัด ชายแดนภาคใต้ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงและการคุ้มครองพระพุทธศาสนาในเขต ๕ จังหวัด ชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ ๒๘ - ๒๙ มีนาคม ๒๕๔๗ ณ วัดชัยมงคล อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ในการประชุมครั้งนี้ มีผู้แทนมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล และเจ้าอาวาสบางวัด รวม ๑๒๖ รูป มีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ และพลเรือน จำนวน ๕๐ คน โดยมี พระพรหมจริยาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ เป็นประธาน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้รายงานสรุปสถานการณ์ให้คณะสงฆ์ในเขตภาคใต้ในที่ประชุมได้รับทราบ และมีการประชุมกลุ่มโดยแบ่งเป็น ๔ กลุ่ม เพื่อหามาตรการและแนวทางที่จะแก้ไขปัญหา โดยสรุปมี ๔ มาตรการ ดังนี้ ๑. มาตรการให้การคุ้มครองพระภิกษุสามเณรให้เกิดความปลอดภัย โดยเจ้าคณะพระสังฆาธิการได้ขอให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทั้งตำรวจ ทหาร อาสา-สมัคร ให้การดูแลอารักขาพระภิกษุสามเณร พร้อมทั้งแจ้งเบาะแสข่าวความไม่ปลอดภัยเป็นระยะ ๆ เห็นควรให้มีการจัดประชุมผู้นำศาสนาหรือตัวแทนในท้องถิ่นเพื่อร่วมกันวางแนวทางแก้ไข และขอให้เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด - ๒ - ๒. มาตรการส่งเสริมสถานภาพการปกครองของคณะสงฆ์ โดยภาพรวม ประสงค์ให้เพิ่มรองเจ้าคณะจังหวัดทั้ง ๕ จังหวัด ชายแดนภาคใต้ เพื่อจะช่วยเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด ในการตรวจเยี่ยมพื้นที่เป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อให้กำลังใจ และจะได้สนับสนุนเกี่ยวกับพาหนะเดินทาง ค่าใช้จ่าย รวมทั้งการขอให้รัฐบาลทำประกันชีวิตให้กับพระภิกษุสามเณร การขอให้คณะสงฆ์พิจารณาเกี่ยวกับการขอพระราชทานสมณศักดิ์เป็นกรณีพิเศษในบางโอกาส บางกรณี ควรจะมีการจัดสรรอุดหนุนบูรณะวัด ซึ่งสำนักงาน-พระพุทธศาสนาแห่งชาติจะต้องดำเนินการให้มากขึ้น พร้อมทั้งหาทางยกวัดร้างที่มีอยู่ในเขตพื้นที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี ขอให้มีการจัดศูนย์อำนวยการสนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะสงฆ์ในพื้นที่ทั้ง ๒ แห่ง โดยเฉพาะกลยุทธ์ที่เป็นแก้มลิงที่ให้มีจังหวัดสงขลาและจังหวัดพัทลุงเป็นหน่วยส่งเสริมสนับสนุนการปฏิบัติงานและช่วยเหลือพระภิกษุสามเณร กรณีที่มีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้น ๓. มาตรการส่งเสริมการศึกษาและการเผยแผ่ศาสนา ขอให้มีการส่งเสริมการศึกษาของคณะสงฆ์ทุกระดับให้มากขึ้น ตั้งแต่แผนกธรรม แผนกบาลี แผนกสามัญศึกษา และมหาวิทยาลัยสงฆ์ ซึ่งขณะนี้มีแนวทางที่จะเปิดเรียนที่จังหวัดปัตตานี จะให้มีการส่งเสริมให้ทุนแก่เด็กในพื้นที่ได้เรียนมากขึ้นด้วย เพื่อขยายพื้นฐานของจำนวนประชากร สนับสนุนให้มีการเปิดการศึกษาสงเคราะห์ โดยเฉพาะศูนย์พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ค่ายพุทธบุตร การบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน โครงการปฏิบัติธรรม ฯ และกิจกรรมอย่างอื่นให้มากขึ้น ส่งเสริมให้มีการอบรมพระเปรียญและหรือพระบัณฑิตให้เป็นอาสาสมัคร ในพื้นที่ เพื่อออกปฏิบัติการในพื้นที่ พร้อมทั้งมีการจัดนิตยภัตถวาย ควรตั้งพุทธมณฑลในระดับภาค ๔. มาตรการประชาสัมพันธ์ และศาสนสัมพันธ์ ได้วางแผนไว้ ๒ ประการ คือ - ให้มีการจัดแผนประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ - ๓ - - ให้มีการจัดแผนประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ สร้างความเข้าใจให้ถูกต้อง โดยเฉพาะให้ประชาชนในพื้นที่ทั้ง ๒ ศาสนา มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ปรองดองสามัคคีกัน และขอตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์ของคณะสงฆ์ชายแดนภาคใต้ รวมทั้งจัดกิจกรรมเยี่ยมเยียนศาสนิกชนในพื้นที่ร่วมกันระหว่างผู้นำศาสนาในพื้นที่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะได้นำหลักการดังที่กล่าวมาจัดทำแผนในระยะ ๕ ปี โดยใช้งบประมาณ ๑๕๐ ล้านบาท ทั้งนี้ จะมีการติดตามประเมินผลทุกปี หากได้ผลก็จะขยายการดำเนินงานต่อไป จึงขออนุญาตต่อที่ประชุมเพื่อโปรดพิจารณาในหลักการ ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะทำรายละเอียดในลักษณะของแผนยุทธ-ศาสตร์ดำเนินการให้ครบทั้ง ๕ ปี นำเสนอต่อที่ประชุม และจะนำเสนอต่อรัฐบาลด้วย ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์เพื่อเสนอ รัฐบาล ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และให้มีผู้แทนมหาเถรสมาคมเป็นที่ปรึกษา ๔ รูป คือ ๑. พระพรหมวชิรญาณ วัดยานนาวา กรุงเทพมหานคร ๒. พระธรรมสิทธิเวที วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร ๓. พระธรรมกิตติเมธี วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ๔. พระธรรมวรเมธี วัดราชบพิธ ฯ กรุงเทพมหานคร พลตำรวจโท (อุดม เจริญ) เลขาธิการมหาเถรสมาคม

เอกสารประกอบเพิ่มเติม

เอกสารประกอบ 1 : CCF00392551_00119.pdf (133.66 kb)

จำนวนเข้าดู : 967

ปรับปรุงล่าสุด : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00

ข้อมูลเมื่อ : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00