มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ 21/2547
มติที่ 366/2547
เรื่อง การฟื้นฟูสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ด้านพระพุทธศาสนา
มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๒๑/๒๕๔๗ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม มติที่ .............................................................. เรื่อง การฟื้นฟูสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ด้านพระพุทธศาสนา ในการประชุมมหาเถรสมาคมครั้งที่ ๒๑/๒๕๔๗ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๔๗ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้รายงานถวายในการประชุมมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๔๗ เรื่อง ศูนย์พัฒนาคุณธรรมมหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดย พระวีระพันธ์ รกฺขิตสีโล ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาคุณธรรม ได้มีลิขิต แจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่า จะนำพระภิกษุอาสาสมัคร ประมาณ ๑๕๑ รูป ไปจำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจช่วยฟื้นฟูกิจการพระพุทธศาสนาชายแดนภาคใต้ โดยส่งรายนามพระสงฆ์มาให้แล้ว ๑๑๒ รูป ทั้งคณะธรรมยุตและมหานิกาย ซึ่งที่ประชุมมหาเถรสมาคมรับทราบ และมีข้อสังเกตว่า ให้พิจารณาให้รอบคอบต่อพระสงฆ์คณะนี้ที่จะไปทางใต้ เพราะมีความละเอียดอ่อนหลายประการ โดยให้ประสานงานกับเจ้าคณะภาค และเจ้าคณะ-จังหวัดในพื้นที่ด้วย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้มีหนังสือลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๔๗ นมัสการให้เจ้าคณะภาค ๑๗, ๑๘ และเจ้าคณะจังหวัด ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ทราบเรื่องของศูนย์พัฒนาคุณธรรมแล้ว เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๔๗ คณะสงฆ์ภาคใต้ ประกอบด้วย เจ้าคณะ- ภาค ๑๖, ๑๗, ๑๘ และเจ้าคณะจังหวัด ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มีการประชุมกันที่ วัดมุจลินทวาปีวิหาร เกี่ยวกับเรื่องของศูนย์พัฒนาคุณธรรม และมีมติให้ชะลอไว้ก่อน เพราะมีระยะเวลาในการเตรียมการกระชั้นชิดมาก ในการจะจัดพระสงฆ์ที่มาลงในเขตพื้นที่ - ๒ - ต่าง ๆ โดยขอให้พระสงฆ์คณะนี้ลงมาปฏิบัติศาสนกิจในช่วงภาคฤดูร้อนจะเหมาะสมกว่า พร้อมทั้งได้ขอบคุณในความตั้งใจดีครั้งนี้ ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้มีหนังสือลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๔๗ นมัสการให้ พระวีระพันธ์ รกฺขิตสีโล ทราบแล้ว และแจ้งให้คณะสงฆ์กลุ่มนี้ได้ทราบด้วย พระวีระพันธ์ ได้รับทราบเรื่องที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินมัสการไปแล้ว และน้อมรับคำแนะนำชี้แจงของคณะสงฆ์ภาคใต้ทุกประการ แต่เนื่องจากการเดินทางไปจังหวัดสงขลาได้เตรียมการไว้แล้ว พระสงฆ์อาสาสมัครทั้ง ๑๕๑ รูป จึงกำหนดไปเยี่ยมเยียนดูสถานการณ์จริงในภาคใต้ และจะจัดประชุมสัมมนารับทราบข้อมูลสถานการณ์ต่าง ๆ จากวิทยากรของกองทัพภาคที่ ๔ ฝ่ายความมั่นคง และสำนักงานป้องกันปราบปรามยาเสพติด ภาคใต้ ในวันที่ ๒๖ - ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ตามแผนงานที่เตรียมไว้ และเมื่อเสร็จการสัมมนาแล้วจะเปลี่ยนแผนจากการลงปฏิบัติงานพื้นที่ภาคใต้ เป็นเดินทางกลับวัดต้นสังกัดเดิม ดังนั้น ในวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ทางกองบัญชาการทหารสูงสุดได้จัดพาหนะให้พระสงฆ์ทั้ง ๑๕๑ รูป เดินทางไปถึงวัดโคกสมานคุณ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และจัดสัมมนากันที่วัดนี้ตามกำหนดการเดิม อนึ่ง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้จัดประชุมสัมมนาพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาสในเขตปกครองหนใต้ ภาค ๑๘ (ธรรมยุต) รวม ๙ จังหวัด ที่วัดนพวงศาราม อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ในวันที่ ๒๖ – ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ผู้อำนวยการ-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้อาราธนาพระวีระพันธ์ไปเยี่ยมเยียนดูสถานการณ์พระพุทธศาสนาในจังหวัดปัตตานี และร่วมประชุมกับคณะสงฆ์ในครั้งนี้ด้วย ในการนี้ พระวีระพันธ์ ได้เรียนชี้แจงต่อที่ประชุม เรื่อง การนำพระอาสาสมัครมาปฏิบัติงานภาคใต้ สรุปดังนี้ พระอาสาสมัครคณะนี้ เป็นพระอาสาสมัครที่ได้รับการอบรมถวายความรู้ในการปฏิบัติงานเสริมสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง โดยเฉพาะงานป้องกันยาเสพติด ปฏิบัติงานมานานกว่า ๖ ปี มีพรรษาโดยเฉลี่ย ๕ พรรษาขึ้นไป ประวัติได้รับการตรวจสอบรับรอง - ๓ - จากกองบัญชาการทหารสูงสุด มีผลงานเป็นที่ยอมรับจากกองทัพบก สำนักงานคณะ-กรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการปฏิญาณตนด้วยความมุ่งมั่นว่าจะทำงานรับใช้พระศาสนา โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ มีบัตรประจำตัวการทำงานออกให้โดยกองทัพบก นอกเหนือจากหนังสือสุทธิ การทำงานครั้งนี้ มีค่าใช้จ่ายสนับสนุนด้านอุปกรณ์สื่อสาร (มือถือ) ให้ครบทุกรูป ตลอดจนการอำนวยความสะดวกในการดำเนินการต่าง ๆ จาก ป.ป.ส. และพระ ทุกรูปมีความพร้อมที่จะทำงานได้ทันที หลังจากได้ซักถามรายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติมจนเป็นที่พอใจแล้ว คณะสงฆ์ (ธรรมยุต) ที่มาร่วมประชุมกันที่วัดนพวงศาราม โดยมี พระเทพวราจารย์ รองเจ้าคณะ-ภาค ๑๖-๑๗-๑๘ (ธรรมยุต) เป็นประธาน ได้มีมติขอรับพระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต จำนวน ๖๒ รูป ไปจำพรรษา โดยกระจายไปตามวัดต่าง ๆ ที่ขาดแคลนพระสงฆ์ใน ๕ จังหวัด ในช่วงเข้าพรรษานี้ แต่มีพระธรรมยุตอาสาสมัครทั้งหมดเพียง ๕๑ รูป ต่อมา พระวีระพันธ์ได้ติดต่อหาเพิ่มเติมให้อีก ๑๕ รูป ครบตามจำนวนที่ขอมา เนื่องจากในที่ประชุมได้มี พลตรี ชลอ กิ่งทอง รองแม่ทัพภาค ๔ ได้เข้าร่วมประชุมถวายความรู้อยู่ด้วย เห็นว่าพระอาสาสมัครฝ่ายมหานิกายที่เหลืออยู่ จำนวน ๑๑๑ รูป สมควรที่จะได้ไปช่วยในพื้นที่ที่ขาดแคลนพระสงฆ์ จึงขอให้พระที่เหลืออยู่ ๑๑๑ รูป ไปเข้าร่วมโครงการอุปสมบทพระภิกษุถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ณ ค่ายอิงยุทธ จังหวัดปัตตานี ซึ่งกองทัพบกได้ จัดขึ้น จำนวน ๑๔๒ รูป โดยจะจำพรรษาในเขตจังหวัดต่าง ๆ ตามชายแดนภาคใต้ โดยให้พระอาสาสมัครคณะนี้ จำนวน ๑๑๑ รูป ช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้พระบวชใหม่ตลอดพรรษา โดยกองทัพบกภาคที่ ๔ จะให้การอุปถัมภ์ดูแลตลอดเวลา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้รับแจ้งจาก พลเอก สัมพันธ์ บุญญานนท์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ พลเอกสัมพันธ์ บุญญานนท์ เป็นประธานจัดโครงการทอดผ้าป่าถวายวัด ๒๑๙ วัด ใน ๓ จังหวัด - ๔ - ชายแดนภาคใต้ ซึ่งการดำเนินการเสร็จสิ้นลงแล้ว ได้เงินผ้าป่ารวมทั้งสิ้น (สรุป ณ วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๔๗) จำนวน ๙,๑๑๑,๓๑๙ บาท โดยนำถวายวัดและพระสงฆ์ไปแล้ว ๗,๘๒๑,๘๑๑ บาท และนำไปช่วยอุปถัมภ์การปฏิบัติงานให้พระอาสาสมัครคณะนี้อีก ๒๑๑,๑๑๑ บาท รายละเอียดตามเอกสารที่แนบถวายในที่ประชุม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นสมควรนำเสนอมหาเถรสมาคม เพื่อโปรดทราบ ที่ประชุมรับทราบ พลตำรวจโท (อุดม เจริญ) เลขาธิการมหาเถรสมาคม
เอกสารประกอบเพิ่มเติม
เอกสารประกอบ 1 : CCF00492551_00051.pdf (171.42 kb)
จำนวนเข้าดู : 1017
ปรับปรุงล่าสุด : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00
ข้อมูลเมื่อ : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00