มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ 17/2546
มติที่ 299/2546
เรื่อง การขอยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา
มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๑๗/๒๕๔๖ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม มติที่ เรื่อง การขอยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๑๗/๒๕๔๖ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๖ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า จังหวัดต่าง ๆ ได้ส่งรายงานขอยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา จำนวน ๔ วัด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ แล้ว ปรากฏรายละเอียด ดังนี้ ๑. วัดทุ่งปุย (ร้าง) ตั้งอยู่ที่บ้านร่องน้ำ หมู่ที่ ๗ ตำบลมะขามหลวง อำเภอ-สันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ดินของวัดมีจำนวน ๒ ไร่ ๒ งาน ๔๙ ตารางวา ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๘๙๕๒ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย อาคารเสนาสนะที่สร้างแล้ว คือ ๑. ศาลาการเปรียญ ๒. หอระฆัง ๓. กุฏิสงฆ์ ๓ หลัง ๔. ห้องน้ำ มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ๔ รูป สามเณร ๑ รูป ระยะห่างจากวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาในละแวกใกล้เคียง - ทิศเหนือ ห่างจากวัดต้นแก้ว ประมาณ ๒ กิโลเมตร - ทิศใต้ ห่างจากวัดมงคล ประมาณ ๒ กิโลเมตร - ทิศตะวันออก ห่างจากวัดอินทะชัย ประมาณ ๕ กิโลเมตร - ๒ - - ทิศตะวันตก ห่างจากวัดมะขุนหวาน ประมาณ ๒ กิโลเมตร มีประชาชนให้การสนับสนุนทำนุบำรุงวัดประมาณ ๘๓๕ คน เหตุผลกรณีที่ดินไม่ถึง ๖ ไร่ สำหรับกรณีวัดทุ่งปุย (ร้าง) มีที่ดินที่ตั้งวัดตามโฉนดเลขที่ ๒๘๙๕๒ มีเนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ ๒ งาน ๔๙ ตารางวา ซึ่งไม่ครบ ๖ ไร่ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๓๘) บัญญัติไว้ แต่มีเหตุผลควรสนับสนุนให้ยกขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา เพราะประชาชนได้ร่วมกันบริจาคเงินซื้อที่ดิน ซึ่งอยู่ติดกับที่ตั้งวัด โฉนดเลขที่ ๕๑๖๘๐ เนื้อที่ประมาณ ๑ ไร่ ๖๑ ตารางวา ให้แก่วัดทุ่งปุย (ร้าง) โดยจะทำการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดทุ่งปุย (ร้าง) ต่อเมื่อวัดทุ่งปุย (ร้าง) ได้ยกขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาแล้ว เมื่อรวมกับที่ดินที่ตั้งวัดทุ่งปุย (ร้าง) จะมีเนื้อที่เพิ่มขึ้นเป็น ๓ ไร่ ๓ งาน ๑๐ ตารางวา ซึ่งก็มีเนื้อที่เพียงพอสำหรับใช้เป็นที่พำนักของพระภิกษุสงฆ์และประกอบศาสนกิจ ๒. วัดศรีษะเกษ (ร้าง) ตั้งอยู่ที่บ้านศรีษะเกษ หมู่ที่ ๑๑ ตำบลศรีษะเกษ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ที่ดินของวัดมีจำนวน ๔ ไร่ ๒ งาน ๘๒ ตารางวา ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๐๘๒๓ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย อาคารเสนาสนะที่สร้างแล้ว คือ ๑. ศาลาการเปรียญ ๒. กุฏิสงฆ์ ๕ หลัง ๓. โรงครัว ๔. ห้องน้ำ มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ๔ รูป ระยะห่างจากวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาในละแวกใกล้เคียง - ทิศเหนือ ห่างจากวัดหนองป่าค่า ประมาณ ๓ กิโลเมตร - ทิศใต้ ห่างจากวัดศรีบุญเรือง ประมาณ ๒ กิโลเมตร - ทิศตะวันออก ห่างจากวัดหนองบัว ประมาณ ๕ กิโลเมตร - ๓ - - ทิศตะวันตก ห่างจากวัดหนองห้า ประมาณ ๓ กิโลเมตร มีประชาชนให้การสนับสนุนทำนุบำรุงวัดประมาณ ๑,๑๐๐ คน เหตุผลความจำเป็นกรณีที่ดินไม่ถึง ๖ ไร่ ประชาชนได้ร่วมกันบริจาคเงินซื้อที่ดินซึ่งอยู่ติดกับที่ตั้งวัดประมาณ ๒ ไร่ ให้แก่วัดศรีษะเกษ (ร้าง) โดยจะทำการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดศรีษะเกษ (ร้าง) ต่อเมื่อ วัดศรีษะเกษ ได้ยกขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาแล้ว เมื่อรวมกับที่ดินที่ตั้งวัดศรีษะเกษ (ร้าง) จะมีเนื้อที่เพิ่มขึ้นเป็น ๖ ไร่ ตามที่กฎกระทรวงบัญญัติไว้ ๓. วัดบ้านชาน (ร้าง) ตั้งอยู่ที่บ้านชาน หมู่ที่ ๕ ตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ที่ดินของวัดมีจำนวน ๑๘ ไร่ ๑ งาน ๑๘ ตารางวา ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๔๐๗๙ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย อาคารเสนาสนะที่สร้างแล้ว คือ ๑. ศาลาการเปรียญ ๒. กุฏิสงฆ์ ๒ หลัง ๓. ห้องน้ำ มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ๕ รูป ระยะห่างจากวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาในละแวกใกล้เคียง - ทิศเหนือ ห่างจากวัดบ้านน้อย ประมาณ ๓ กิโลเมตร - ทิศใต้ ห่างจากวัดเสนาส์ ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร - ทิศตะวันออก ห่างจากวัดท่าเสดาะ ประมาณ ๗ กิโลเมตร - ทิศตะวันตก ห่างจากวัดหนองมะดัง ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร มีประชาชนให้การสนับสนุนทำนุบำรุงวัดประมาณ ๕๐๐ คน ๔. วัดท่านาค (ร้าง) ตั้งอยู่ที่บ้านท่านาค หมู่ที่ ๖ ตำบลหนองตอง อำเภอ-หางดง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ดินของวัดมีจำนวน ๒ ไร่ ๑ งาน ๗๖ ตารางวา ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๑๗๘๓ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย - ๔ - อาคารเสนาสนะที่สร้างแล้ว คือ ๑. ศาลาการเปรียญ ๒. ศาลาอเนกประสงค์ ๓. อุโบสถ ๔. หอระฆัง ๕. กุฏิสงฆ์ ๓ หลัง ๖. ห้องน้ำ มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ๔ รูป สามเณร ๔ รูป ระยะห่างจากวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาในละแวกใกล้เคียง - ทิศเหนือ ห่างจากวัดวาฬุการาม ประมาณ ๔ กิโลเมตร - ทิศใต้ ห่างจากวัดอินทวิชัย ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร - ทิศตะวันออก ห่างจากวัดท่าขี้นาค ประมาณ ๒ กิโลเมตร - ทิศตะวันตก ห่างจากวัดเทพกุญชร ประมาณ ๖ กิโลเมตร มีประชาชนให้การสนับสนุนทำนุบำรุงวัดประมาณ ๒๐๐ คน เหตุผลความจำเป็นกรณีที่ดินไม่ถึง ๖ ไร่ สำหรับกรณีวัดท่านาค (ร้าง) มีที่ดินที่ตั้งวัดตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๑๗๘๓ เนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ ๑ งาน ๗๘ ตารางวา ซึ่งไม่ครบตามที่กฎกระทรวงฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๓๘) บัญญัติไว้ แต่ก็มีเหตุผลควรสนับสนุนให้ยกขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา เพราะ ๑. นางจารุณี วิทยะสิรินันท์ ได้ซื้อที่ดินด้านทิศใต้ ตาม น.ส. ๓ ก ทะเบียนเล่มที่ ๑๕ หน้า ๓๙ สารบบ เลขที่ ๓๕๙/๒๑๒ เนื้อที่ ๓ งาน ๒๑ ตารางวา ถวายให้แก่วัดท่านาคโดยจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้เมื่อวัดท่านาค (ร้าง) ได้ยกขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาแล้ว - ๕ - ๒. นายขาว ไชยวรรณะ ได้ถวายที่ดินด้านทิศตะวันตก ให้วัดท่านาค (ร้าง) เนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ ๑ งาน ซึ่งขณะนี้ทางวัดได้เข้าไปครอบครองปลูกสร้างอาคารเสนาสนะต่าง ๆ แล้ว โดยนายขาว ไชยวรรณะ จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้เมื่อ วัดท่านาค (ร้าง) ได้ยกขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาแล้ว ๓. ที่ดินด้านทิศเหนือประมาณ ๑ ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินของวัดท่านาค (ร้าง) แต่ยังไม่ได้มีการขอออกเอกสารสิทธิ์ สภาพปัจจุบันที่ดินส่วนนี้วัดท่านาค (ร้าง) ครอบครองและใช้เป็นสถานที่สร้างอาคารเสนาสนะบางส่วนอยู่แล้ว ฉะนั้น เมื่อรวมที่ดินวัดท่านาค (ร้าง) เข้ากับที่ดินตามข้อ ๑ - ๒ ก็จะมีเนื้อที่ประมาณ ๖ ไร่ ๑ งาน ๙๙ ตารางวา ครบตามที่กฎกระทรวงบัญญัติไว้ และเพียงพอสำหรับให้พระภิกษุสามเณรพำนักและปฏิบัติศาสนกิจ ในการนี้ ผู้แทนเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ คือ พระศรีสมโพธิ และเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คือ นายมนตรี บำรุง นางสาวอุษา จำนงค์ไทย และว่าที่ร้อยตรีหญิง สิรภัทร เกตุแก้ว ได้ไปตรวจสอบแล้ว เห็นควรยกขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาได้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีความเห็นว่า ควรสนับสนุนให้ยกวัดร้างทั้ง ๔ วัด ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาได้ การขอยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาดังกล่าว ได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๓๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง และเจ้าคณะพระสังฆาธิการเจ้าสังกัดตามลำดับแล้ว /ที่ประชุมพิจารณาแล้ว - ๖ - ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบให้ยกวัดร้างทั้ง ๔ วัด คือ ๑. วัดทุ่งปุย (ร้าง) ตำบลมะขามหลวง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ๒. วัดศรีสะเกษ (ร้าง) ตำบลศรีสะเกษ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ๓. วัดบ้านชาน (ร้าง) ตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ๔. วัดท่านาค (ร้าง) ตำบลหนองตอง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา อนึ่ง ให้เจ้าอาวาสวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษาเพียง ๔ รูป เร่งขวนขวายให้มี พระภิกษุอยู่จำพรรษามากกว่า ๔ รูป เพื่อจะได้ทำสังฆกรรมบางประเภทตามที่พระวินัยกำหนดได้ (นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์) เลขาธิการมหาเถรสมาคม
เอกสารประกอบเพิ่มเติม
เอกสารประกอบ 1 : CCF00192551_00517.pdf (197.58 kb)
จำนวนเข้าดู : 1300
ปรับปรุงล่าสุด : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00
ข้อมูลเมื่อ : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00