มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ 17/2546
มติที่ 300/2546
เรื่อง การขอรวมวัดนางหยาด (ร้าง) และวัดพญาเมือง (ร้าง) กับวัดป่างิ้ว จังหวัดปทุมธานี
มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๑๗/๒๕๔๖ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม มติที่ เรื่อง การขอรวมวัดนางหยาด (ร้าง) และวัดพญาเมือง (ร้าง) กับวัดป่างิ้ว จังหวัดปทุมธานี ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๑๗/๒๕๔๖ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๖ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า ในการประชุมมหาเถรสมาคมครั้งที่ ๒๖/๒๕๔๕ เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๔๕ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า จังหวัดปทุมธานี ได้ส่งรายงานขอรวมวัดนางหยาด (ร้าง) และวัดพญาเมือง (ร้าง) กับวัดป่างิ้ว ตั้งอยู่ที่ตำบล-บ้านงิ้ว อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เป็นวัดเดียวกัน เพื่อจะได้บูรณะให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาสืบไป โดยได้เสนอผ่านความเห็นชอบของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองและเจ้าคณะปกครองฝ่ายสงฆ์ตามลำดับชั้น และกรมการศาสนาได้นำถวายเจ้าคณะใหญ่- หนกลางพิจารณาแล้ว เจ้าคณะใหญ่หนกลางได้มีบัญชาเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๕ ให้กรมการศาสนาตรวจสอบที่ดินของวัดร้างทั้ง ๒ ว่ามีการจัดประโยชน์หรือไม่ กรมการศาสนาได้ตรวจสอบการจัดประโยชน์ในที่ดินวัดนางหยาด (ร้าง) และวัดพญาเมือง (ร้าง) แล้ว ปรากฏว่า วัดนางหยาด (ร้าง) โรงเรียนวัดป่างิ้วใช้ประโยชน์และวัดป่างิ้วกำลังขอออกโฉนด ส่วนวัดพญาเมือง (ร้าง) ยังไม่มีการจัดประโยชน์ และได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าอาวาสวัดป่างิ้วเกี่ยวกับที่ดินของวัดที่เกี่ยวข้องกับการขอรวมวัดแล้ว ปรากฏรายละเอียดดังนี้ ๑. วัดป่างิ้ว มีที่ดินที่ตั้งวัด ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๔๐๙๘ เนื้อที่ ๔๕ ไร่ ๑ งาน ๙๔ ตารางวา มีการใช้ประโยชน์ ดังนี้ - ๒ - ๑.๑ เป็นที่ตั้งวัด ๑.๒ เป็นที่ตั้งโรงเรียนสามโคก (สังกัดกรมสามัญศึกษา) ๒. วัดนางหยาด (ร้าง) ยังไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน มีเนื้อที่ประมาณ ๑๗ ไร่ ๓๕.๕ ตารางวา มีสิ่งก่อสร้างและใช้ประโยชน์ในที่ดิน โดยไม่มีการทำสัญญาเช่าใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนี้ ๒.๑ มีอุโบสถเก่า ๒.๒ ที่ทำการ อบต. บ้านงิ้ว ๒.๓ โรงเรียนประถมศึกษาวัดป่างิ้ว (สังกัด สปช.) ๒.๔ ชาวบ้านปลูกบ้านอยู่อาศัย ๓. วัดพญาเมือง (ร้าง) ยังไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน มีเนื้อที่ประมาณ ๙ ไร่ ๗๓ ตารางวา มีสิ่งก่อสร้างและใช้ประโยชน์ในที่ดินโดยไม่มีการทำสัญญาเช่าใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนี้ ๓.๑ สถานีอนามัยตำบลบ้านงิ้ว (สังกัดกระทรวงสาธารณสุข) ๓.๒ บ้านพักครูของโรงเรียนสามโคก ๒ หลัง ๓.๓ ชาวบ้านปลูกบ้านพักอยู่อาศัย ประมาณ ๓๑ หลังคาเรือน การขอรวมวัดนางหยาด (ร้าง) และวัดพญาเมือง (ร้าง) กับวัดป่างิ้ว ดังกล่าว ได้ผ่านความเห็นชอบจากหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง และเจ้าคณะพระสังฆาธิการเจ้าสังกัดตามลำดับแล้ว และเจ้าคณะใหญ่หนกลางได้มีบัญชาเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๕ ให้นำเสนอ มหาเถรสมาคมพิจารณา ต่อมา ได้มีประกาศใช้พระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๑๙ ตอนที่ ๙๙ ก ลงวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๔๕ กำหนดให้มีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นส่วนราชการ ไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง และกรมการศาสนาถูกกำหนดให้สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม - ๓ - จึงไม่สามารถดำเนินการขอความเห็นชอบจากกระทรวงศึกษาธิการ ก่อนนำเสนอมหาเถร-สมาคมตามกฎกระทรวงฯ ได้ ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้เข้าไปใช้ประโยชน์ สิ่งปลูกสร้าง เอกสารสิทธิ์ในที่ดินของวัดร้างทั้งสอง รวมทั้งข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอมหาเถรสมาคม บัดนี้ จังหวัดปทุมธานี ได้มีหนังสือ ที่ วธ ๐๒๐๘ (ปท) /๓๙๐๘ ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๔๖ แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เข้าไปใช้ประโยชน์ รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างในที่ดินของวัดร้างทั้งสองแล้ว สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นควรนำเสนอมหาเถรสมาคม เพื่อโปรดพิจารณา ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติไม่เห็นชอบ และให้สำนักงานพระพุทธศาสนา-แห่งชาติดำเนินการจัดประโยชน์วัดนางหยาด (ร้าง) และวัดพญาเมือง (ร้าง) (นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์) เลขาธิการมหาเถรสมาคม
เอกสารประกอบเพิ่มเติม
เอกสารประกอบ 1 : CCF00192551_00518.pdf (108.79 kb)
จำนวนเข้าดู : 1009
ปรับปรุงล่าสุด : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00
ข้อมูลเมื่อ : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00