มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ 29/2547
มติที่ 549/2547
เรื่อง รายงานสถานการณ์ความไม่สงบใน ๓ จังหวัด ชายแดนภาคใต้
มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๒๙/๒๕๔๗ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม มติที่ .............................................................. เรื่อง รายงานสถานการณ์ความไม่สงบใน ๓ จังหวัด ชายแดนภาคใต้ ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๒๙/๒๕๔๗ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า พระเทพปริยัติเมธี เจ้าคณะภาค ๑๗ ได้มีลิขิต ที่ สธท. ๙/๐๐๕ ลงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ แจ้งว่า ได้รับรายงานจาก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนราธิวาส ว่า สถานการณ์ความไม่สงบใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้พระภิกษุสามเณร พุทธศาสนิกชน ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ทั้งด้านความเป็นอยู่ สุขภาพจิต ไม่สามารถออกปฏิบัติศาสนกิจตามปกติได้ ถูกคุกคามทั้งทางตรงและทางอ้อม อันจะนำไปสู่ความไม่มั่นคงของพระพุทธศาสนาในอนาคต สรุปเหตุการณ์ความไม่สงบที่มีผลกระทบต่อพระพุทธศาสนา ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนี้ วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๔๗ ปล้นปืนค่ายทหารกองพันพัฒนาที่ ๔ อำเภอ- เจาะไอร้อง วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๔๗ ฟันพระมรณภาพ ๑ รูป ที่วัดอุไรรัตนาราม อำเภอบาเจาะ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๔๗ วางระเบิดอุโบสถ ซุ้มประตู วัดธารากร อำเภอตากใบ วัดสังฆสิทธาราม อำเภอระแงะ และวัดราษฎร์สโมสร อำเภอรือเสาะ วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๗ วางระเบิดหวังลอบฆ่าพระภิกษุสามเณร วัดศรี-สาคร ทหารชุดคุ้มครองพระและประชาชน ขณะพระออกบิณฑบาต แต่ระเบิดไม่ทำงาน - ๒ - วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๗ ชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ เหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยคาดว่า เป้าหมายจะมุ่งไปที่ครู พระภิกษุสงฆ์ เพราะต้องการสร้างเหตุการณ์ให้เป็นเรื่องใหญ่ สร้างให้เป็นเรื่องน่ากลัว พยายามทำให้เกิดความแตกแยกทางศาสนา ระหว่างชาวไทยพุทธ ไทยมุสลิม โดยทำทุกรูปแบบ รายละเอียดดังแนบถวายในที่ประชุม ขณะนี้ พระภิกษุสามเณร พุทธศาสนิกชน ขาดขวัญกำลังใจ เกิดความหวาดกลัว ไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่สามารถประกอบอาชีพได้โดยสะดวก การเดินทางไม่มีความปลอดภัย ไม่มีความเชื่อมั่นในอำนาจรัฐว่าจะคุ้มครองได้ นอกจากการพึ่งพาตนเอง เพราะยังมีการฆ่า การทำลายทรัพย์สินรายวัน และยิ่งรุนแรง โหดเหี้ยมขึ้นเป็นลำดับ ทั้งที่รัฐส่งทหารตำรวจลงมาในพื้นที่ไม่รู้เท่าไร มีความรู้สึกว่าในทุก ๆ พื้นที่ไม่มีความปลอดภัย ไม่ว่าจะอยู่ในเมือง ชนบท หรือแม้แต่ใกล้กับสถานที่-ราชการ พระสังฆาธิการระดับอดีตเจ้าคณะอำเภอ (วัดสุคิริน) เจ้าอาวาส พระลูกวัดต่างพื้นที่อีกหลายรูป มีความคิดจะลาออกจากเจ้าอาวาส อพยพไปอยู่นอกเขต ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะทนแรงกดดันไม่ไหว สุขภาพจิตย่ำแย่ และญาติโยมเป็นห่วง กลัวว่าจะไม่มีความปลอดภัย จึงขอร้องให้ออกจากพื้นที่ หากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์ให้สงบเหมือนเดิมได้ คิดว่าไม่นานคงมีสภาพไม่แตกต่างจากติมอร์ตะวันออก ของอินโดนีเซีย เหตุการณ์มินดาเนา ของประเทศฟิลิปปินส์ ข้อเสนอแนะควรพิจารณา ๑. รัฐควรเข้ามาดูแลวัด พระสงฆ์มากกว่านี้ โดยส่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไปเยี่ยมเยียน ปลอบขวัญให้กำลังใจสม่ำเสมอ ๒. รัฐควรจัดสรรงบประมาณอุดหนุน บูรณะซ่อมแซมเสนาสนะ ถาวรวัตถุ ให้ทั่วถึง และพอเพียง สอดคล้องกับความต้องการของพระสงฆ์ เพราะเป็นพื้นที่พิเศษ - ๓ - ๓. รัฐ หน่วยงานที่รับผิดชอบงานด้านพระพุทธศาสนา ควรจัดปัจจัยถวายวัด พระสงฆ์ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นปัจจัยในการดำรงชีพของพระภิกษุ สามเณร ในขณะที่ไม่สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้ ๔. สำนักงานเจ้าคณะภาค สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ควรจัดประชุมพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาสทุกรูป เพื่อรายงานสถานการณ์ สรุปเหตุการณ์ รับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ของเจ้าอาวาสในพื้นที่ เพื่อจะได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริง ๕. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ควรเร่งรัดงบประมาณที่ค้างจ่าย และประสานของบกลางช่วยเหลือให้รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ และความต้องการของวัดและ พระสงฆ์ (งบพิเศษช่วยเหลือ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นควรนำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดทราบ ที่ประชุมรับทราบ (นายแพทย์จักรธรรม ธรรมศักดิ์) เลขาธิการมหาเถรสมาคม
เอกสารประกอบเพิ่มเติม
เอกสารประกอบ 1 : CCF00492551_00190.pdf (114.46 kb)
จำนวนเข้าดู : 879
ปรับปรุงล่าสุด : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00
ข้อมูลเมื่อ : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00