มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ 03/2549
มติที่ 58/2549
เรื่อง โครงการธรรมนูญสัญจรสู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๓/๒๕๔๙ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม มติที่ . เรื่อง โครงการธรรมนูญสัญจรสู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียน ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน ในการประชุมมหาเถรสมาคมครั้งที่ ๓/๒๕๔๙ เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๔๙เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า จังหวัดร้อยเอ็ด ได้มีหนังสือ ที่ พศ ๐๐๕๓/ ๐๔๘๒ ลงวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๔๙ แจ้งว่า คณะกรรมการนโยบายเสริมสร้างสันติสุขจังหวัด-ชายแดนภาคใต้ (กสชต.) โดยการประสานงานของกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัด-ชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) และรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง (นายเอกภาพ พลซื่อ) ได้มอบให้จังหวัดร้อยเอ็ดนำพระสงฆ์ จำนวน ๓๗๐ รูป ไปปฏิบัติศาสนกิจเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ณ จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เพื่อให้การดำเนินการงานดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จังหวัดร้อยเอ็ดจึงเสนอร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน พร้อมกับร่างหนังสือแจ้งจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เพื่อให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติลงนาม แต่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคณะสงฆ์และจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้มอบสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมและกองพุทธศาสนสถานเสนอความคิดเห็นประกอบการพิจารณา สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมได้เสนอว่า ควรนำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อขอความคิดเห็นเพิ่มเติมก่อน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงได้สั่งการให้นำเสนอ มหาเถรสมาคม ต่อมา กองพุทธศาสนสถานได้มีบันทึกลงวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๔๙ - ๒ - แจ้งสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมว่า สืบเนื่องจากการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๔๙ โดยมี เลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กรมกิจการพลเรือนทหาร (กร.ทหาร.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กรมประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) กรมการปกครอง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ร่วมพิจารณากรณีที่มีการเสนอแผนงานดำเนินการนำพระสงฆ์ จำนวน ๓๓๐ รูป จากจังหวัด-ร้อยเอ็ด เดินทางไปปฏิบัติธรรมในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมพิจารณาสนับสนุนงบประมาณดำเนินการ และได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้ ๑. ทำอย่างไรที่จะมีการประสานให้ชาวพุทธในพื้นที่ได้ทราบว่า จะมีพระสงฆ์ลงไปร่วมปฏิบัติธรรม อันจะเป็นการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจ ๒. การประชาสัมพันธ์ข่าว จะถือเป็นการยั่วยุ และทำให้ฝ่ายตรงข้ามสร้างสถานการณ์ก่อความไม่สงบ โดยเฉพาะการลอบทำร้ายพระสงฆ์ที่ลงไปหรือไม่ ๓. ความพร้อมของสถานที่ และคณะสงฆ์ในพื้นที่ในการดูแล อำนวยความ-สะดวก และการรักษาความปลอดภัย ๔. กิจกรรมของคณะสงฆ์ที่ลงไป ควรจะเพิ่มเติมหรือไม่ นอกเหนือจากการปฏิบัติธรรม ๕. กรมกิจการพลเรือนทหารเสนอว่า สมควรชะลอการเดินทางของคณะสงฆ์ในระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ไปก่อน และนำโครงการนี้เข้าร่วมในโครงการ-ศาสนิกสัมพันธ์ที่กองทัพบกดำเนินการอยู่ในขณะนี้หรือไม่ โดยพิจารณาห้วงเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง ๖. จะต้องมีการเตรียมพร้อม และซักซ้อมความเข้าใจ ให้คำแนะนำแก่พระสงฆ์ที่จะลงไปในโครงการนี้ได้ทราบถึงขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมของท้องถิ่น ซึ่งมีความแตกต่าง อันจะเป็นการป้องกันการสร้างความเข้าใจผิด หรือเกิดปัญหาในระหว่างศาสนาขึ้นมาได้ - ๓ - ที่ประชุมสรุปความเห็นว่า ควรรอมติจากมหาเถรสมาคม ในการประชุมใน วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๔๙ ว่า จะมีความคิดเห็นประการใด ในกรณีการจัดแผนงานนำ พระสงฆ์ จำนวน ๓๓๐ รูป จากจังหวัดร้อยเอ็ด เดินทางไปปฏิบัติธรรมในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อน แล้วจึงจะพิจารณาดำเนินการขั้นต่อไป สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นควรนำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณา ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติว่า ขออนุโมทนาในความปรารถนาดี แต่ควรพิจารณาตามข้อสังเกตทั้ง ๖ ข้อ ให้ละเอียดและรอบคอบ จึงเรียนมาเพื่อดำเนินการต่อไป (นางจุฬารัตน์ บุณยากร) ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม
เอกสารประกอบเพิ่มเติม
เอกสารประกอบ 1 : CCF00992551_00055.pdf (116.61 kb)
จำนวนเข้าดู : 823
ปรับปรุงล่าสุด : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00
ข้อมูลเมื่อ : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00