มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ 07/2549
มติที่ 141/2549
เรื่อง การขอยกวัดหนองตาแก้ว (ร้าง) จังหวัดสุพรรณบุรี ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา
มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๗/๒๕๔๙ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม มติที่ ............................................. ..... เรื่อง การขอยกวัดหนองตาแก้ว (ร้าง) จังหวัดสุพรรณบุรี ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุ- อยู่จำพรรษา เรียน ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๗/๒๕๔๙ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๔๙ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า จังหวัดสุพรรณบุรีได้มีหนังสือ ที่ พศ ๐๐๗๒/๑๐๐๒๘ ลงวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๘ แจ้งว่า ได้ส่งรายงานการขอยกวัดหนองตาแก้ว (ร้าง) จังหวัดสุพรรณบุรี ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา โดย พระรัตนเมธี ผู้แทนเจ้าคณะใหญ่หนกลาง พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คือ นางฐิติรัตน์ ลำดวน และนางสาลี่ ทองธาระ ได้ไปตรวจสอบแล้วมีความเห็นสรุปดังนี้ วัดหนองตาแก้ว (ร้าง) ตั้งอยู่ที่ บ้านหนองตาแก้ว หมู่ที่ ๔ ตำบลโคกช้าง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ดินของวัดมีจำนวน ๑๕ ไร่ ๒ งาน ๓๖ ตารางวา ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๔๕๕๑๑ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย อาคารเสนาสนะที่สร้างแล้ว คือ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ กุฏิสงฆ์ ๖ หลัง และห้องน้ำห้องสุขา ๑ หลัง จำนวน ๙ ห้อง มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ๔ รูป ระยะห่างจากวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาในละแวกใกล้เคียง - ทิศเหนือ ห่างจากวัดใหม่เจริญธรรม ประมาณ ๒.๕ กิโลเมตร - ทิศใต้ ห่างจากวัดกลางชูศรี ประมาณ ๒.๓ กิโลเมตร - ๒ - - ทิศตะวันตก ห่างจากวัดหนองแขม ประมาณ ๒.๕ กิโลเมตร - ทิศตะวันออก ห่างจากวัดดงบ้านกร่าง ประมาณ ๒.๕ กิโลเมตร มีประชาชนให้การสนับสนุนทำนุบำรุงวัดประมาณ ๑,๒๐๐ คน การขอยกวัดหนองตาแก้ว (ร้าง) ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาดังกล่าว ได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๓๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติ-คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง และเจ้าคณะพระสังฆาธิการเจ้าสังกัดตามลำดับ จนถึงเจ้าคณะใหญ่หนกลางแล้ว พร้อมกับมีบัญชาให้นำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณา ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบให้ยก วัดหนองตาแก้ว (ร้าง) ตำบลโคกช้าง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา และให้เจ้าอาวาสขวนขวายให้มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ๕ รูปขึ้นไป เพื่อจะได้ทำสังฆกรรมบางประเภทตามที่พระวินัยกำหนดไว้ได้ จึงเรียนมาเพื่อดำเนินการต่อไป (นางจุฬารัตน์ บุณยากร) ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม
เอกสารประกอบเพิ่มเติม
เอกสารประกอบ 1 : CCF01092551_00037.pdf (74.93 kb)
จำนวนเข้าดู : 797
ปรับปรุงล่าสุด : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00
ข้อมูลเมื่อ : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00