มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ 03/2550
มติที่ 67/2550
เรื่อง การขอยก วัดอินทขิน (ร้าง) จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา
มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๓/๒๕๕๐ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม มติที่ ..............…................................……. เรื่อง การขอยก วัดอินทขิน (ร้าง) จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา เรียน ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน ในการประชุมมหาเถรสมาคมครั้งที่ ๓/๒๕๕๐ เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๐ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้มีหนังสือ ที่ พศ ๐๐๒๐/๑๒๙๙๕ ลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๔๙ แจ้งว่า ได้ส่งรายงานการขอยก วัดอินทขิน (ร้าง) จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา โดย พระราชสุตาภรณ์ ผู้แทนเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คือ นางฐิติรัตน์ ลำดวน และนายมงคล ราชภิรมย์ ได้ไปตรวจสอบแล้ว มีความเห็นสรุปดังนี้ วัดอินทขิน (ร้าง) ตั้งอยู่ที่ บ้านศรีภูมิ หมู่ที่ ๒ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง-เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ดินของวัดมีจำนวน ๒ ไร่ ๒ งาน ๑๖ ตารางวา ตามโฉนด- ที่ดิน เลขที่ ๔๙๕๒ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย อาคารเสนาสนะที่สร้างแล้ว คือ ศาลาบำเพ็ญกุศล หอประชุม กุฏิสงฆ์ ๓ หลัง และห้องน้ำ ห้องสุขา ๑ หลัง จำนวน ๙ ห้อง มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ๕ รูป สามเณร ๕ รูป ระยะห่างจากวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาในละแวกใกล้เคียง - ทิศเหนือ ห่างจากวัดควรค่าม้า ประมาณ ๑.๕ กิโลเมตร - ทิศใต้ ห่างจากวัดพันเตา, วัดเจดีย์หลวง ประมาณ ๘๐๐ เมตร - ๒ - - ทิศตะวันออก ห่างจากวัดดวงดี ประมาณ ๕๐๐ เมตร - ทิศตะวันตก ห่างจากวัดพระสิงห์ ประมาณ ๑ กิโลเมตร มีประชาชนให้การสนับสนุนทำนุบำรุงวัดประมาณ ๑,๐๐๐ คน เหตุผลกรณีมีที่ดินไม่ถึง ๖ ไร่ วัดอินทขิน (ร้าง) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ซึ่งถือกันว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองเชียงใหม่ ปัจจุบันเมืองเชียงใหม่มีความเจริญพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยอาคารสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ มากมาย ด้านทิศเหนือติดถนนอินทวโรรส ทิศตะวันออกติดอาคารพาณิชย์ ทิศใต้ติดทางสาธารณประโยชน์ ทิศตะวันตกติดอาคารพาณิชย์ จึงไม่สามารถขยายที่ดินให้ครบ ๖ ไร่ได้ เหตุผลกรณีตั้งอยู่ห่างจากวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาไม่ถึง ๒ กิโลเมตร วัดอินทขิน (ร้าง) ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของเสาอินทขีล อันถือเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองเชียงใหม่ มีความสำคัญคือเป็นวัดหลวงประจำวังหลวง หรือพระราชสำนักแห่งปฐมกษัตริย์ ตั้งแต่สมัยแรกสร้างเมืองเชียงใหม่ โดยปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนาคือพญามังราย คติของชาวล้านนาจะก่อสร้างวัดหลวงและวังหลวงคู่กันภายในแนวคูเมืองและกำแพงเมือง ดังที่ประทับของกษัตริย์ผู้ปกครองเมืองล้านนาตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ประกอบด้วยวัด หรือวังของเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่ทำการฝ่ายบ้านเมือง บ้านเรือนของเหล่าเสนาอำมาตย์และไพร่ฟ้าประชาชน นอกจากนี้ เชื้อพระวงศ์หรือเจ้านายผู้ปกครองหัวเมืองและข้าราชบริพารมักนิยมสร้างวัดประจำเฉพาะตนเอง จึงทำให้ภายในตัวเมืองเชียงใหม่มีวัดอยู่ใกล้กันมากมายในรัศมีระยะไม่เกิน ๒ กิโลเมตร การขอยก วัดอินทขิน (ร้าง) ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ดังกล่าว ได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๓๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติ- คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองและเจ้าคณะพระสังฆาธิการ - ๓ - เจ้าสังกัดตามลำดับ จนถึงเจ้าคณะใหญ่หนเหนือแล้ว พร้อมกับมีบัญชาให้นำเสนอมหาเถร-สมาคมเพื่อโปรดพิจารณา ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบให้ยก วัดอินทขิน (ร้าง) ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการต่อไป
เอกสารประกอบเพิ่มเติม
เอกสารประกอบ 1 : CCF01292551_00065.pdf (106.93 kb)
จำนวนเข้าดู : 673
ปรับปรุงล่าสุด : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00
ข้อมูลเมื่อ : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00