มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ 14/2550
มติที่ 343/2550
เรื่อง ขอความเห็นชอบรวมวัดมเหยงค์ (ร้าง) กับวัดมเหยงคณ์ ที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดเดียวกัน
มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๑๔/๒๕๕๐ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม มติที่ .. เรื่อง ขอความเห็นชอบรวมวัดมเหยงค์ (ร้าง) กับวัดมเหยงคณ์ ที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดเดียวกัน เรียน ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน ในการประชุมมหาเถรสมาคมครั้งที่ ๑๔/๒๕๕๐ เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๐ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้มีหนังสือ พศ ๐๐๓๘/๒๕๔๓ ลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ แจ้งเจ้าคณะภาค ๒ ว่า ได้ส่งรายงานการขอรวมวัดมเหยงค์ (ร้าง) ตั้งอยู่ที่ตำบลหันตรา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กับวัดมเหยงคณ์ที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษาเป็นวัดเดียวกัน เพราะมีพุทธศาสนิกชนเข้ามาปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก ทำให้สถานที่ของวัดคับแคบไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับวัดมเหยงคณ์แล้ว ปรากฏว่า วัดมเหยงคณ์ ได้รับการประกาศตั้งวัด เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๔๔ มีเนื้อที่ตั้งวัดจำนวน ๑๓๖ ไร่ ๔๑ ตารางวา และเอกสารสิทธิที่ดินของวัดมเหยงค์ (ร้าง) แล้ว ปรากฏว่า วัดทั้งสองมีพื้นที่ตั้งวัดติดกัน ดังนี้ ๑. วัดมเหยงคณ์ ตามโฉนดที่ดิน จำนวน ๑๙ ฉบับ รวมเนื้อที่ทั้งสิ้น ๑๓๖ ไร่ ๔๑ ตารางวา มีเสนาสนะประกอบด้วย กุฏิสงฆ์ ๓๑ หลัง ศาลาการเปรียญ อุโบสถ อาคารปฏิสันถาร และโรงครัว ๒. วัดมเหยงค์ (ร้าง) ตามโฉนดที่ดิน (น.ส. ๔ จ.) เลขที่ ๑๖๕๓๓ เนื้อที่ ๒๘ ไร่ ๕๖ ตารางวา และโฉนดที่ดิน เลขที่ ๒๘๑๙ เนื้อที่ ๑๖ ไร่ ๒ งาน ๔๔ ตารางวา รวมเนื้อที่ทั้งหมด ๔๔ ไร่ ๓ งาน มีเจดีย์และโบสถ์เก่าตั้งอยู่ และกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว - ๒ - พระราชรัตนสุธี ผู้แทนเจ้าคณะใหญ่หนกลาง นางฐิติรัตน์ ลำดวน นางสาลี่ ทองธาระ และนายอภินันท์ สิทธิสินธุ์ เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ไปตรวจสภาพวัดทั้งสองแล้ว เห็นสมควรรวมเป็นวัดเดียวกันได้ เมื่อรวมวัดทั้งสองเข้าด้วยกันแล้วจะมีเนื้อที่ทั้งหมด ๑๘๐ ไร่ ๓ งาน ๔๑ ตารางวา โบราณสถานที่มีอยู่ก็จะได้รับการดูแล อีกทั้งยังเป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา และขอใช้ชื่อว่า วัดมเหยงคณ์ การขอรวมวัดมเหยงค์ (ร้าง) กับวัดมเหยงคณ์ ดังกล่าว ได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๐๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ โดยได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองและเจ้าคณะพระสังฆาธิการเจ้าสังกัดตามลำดับจนถึงเจ้าคณะภาค ๒ แล้ว ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติตรวจสอบมติมหาเถรสมาคม ว่า มหาเถรสมาคมเคยมีมติไว้อย่างไรเกี่ยวกับวัดร้างที่มีการจัดประโยชน์อยู่แล้ว และต่อมาได้รวมกับวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา แล้วประสานกับพระธรรมวรเมธี เพื่อพิจารณาก่อนนำเสนอมหาเถรสมาคมทุกครั้งที่มีเรื่องการขอรวมวัดเข้ามา จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการต่อไป (นายกนก แสนประเสริฐ) ผู้อำนวยการส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม
เอกสารประกอบเพิ่มเติม
เอกสารประกอบ 1 : CCF01292551_00340.pdf (80.12 kb)
จำนวนเข้าดู : 948
ปรับปรุงล่าสุด : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00
ข้อมูลเมื่อ : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00