ครั้งที่ 11/2551

มติที่ 234/2551

เรื่อง วัดดงหวาย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอกันเขตจัดประโยชน์

ในการประชุมมหาเถรสมาคมครั้งที่ ๑๑/๒๕๕๑ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๑ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้มีหนังสือ ที่ อย ๐๐๓๐/๒๕๒ ลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๑ แจ้งว่า วัดดงหวาย ตำบลท่าช้าง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีความประสงค์ขอกันเขตจัดประโยชน์ที่ดินที่ตั้งวัดดงหวาย ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๘๙๙๕ เนื้อที่ ๕๑ ไร่ ๘๓ ตารางวา ขอกันเขตจัดประโยชน์ จำนวน ๑ ไร่ เพื่อให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดย เหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเช่าที่ดินใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างบ้านพักเพื่อให้การสงเคราะห์ผู้ยากไร้และคนชราอยู่อาศัย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดย กองพุทธศาสนสถาน ฝ่ายออกแบบและก่อสร้าง ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ไปตรวจสอบสถานที่จริงบริเวณวัดดงหวายแล้ว ปรากฏว่า ผู้ขอกันเขตจัดประโยชน์มีเอกสารครบถ้วนดังนี้ ๑. หนังสือแจ้งวัตถุประสงค์ขอกันเขตจัดประโยชน์ผ่านจังหวัดและเจ้าคณะปกครองฝ่ายสงฆ์ตามลำดับชั้น ๒. สำเนาหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน (โฉนดที่ดินเลขที่ ๘๙๙๕) ๓. สำเนาแผนผังแสดงเขตจัดประโยชน์และอาคารเสนาสนะภายในวัด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีความเห็นประกอบดังนี้ ๑. บริเวณที่ตั้งวัดดงหวาย เดิมมีเนื้อที่ ๕๑ ไร่ ๘๓ ตารางวา ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๘๙๙๕ ได้ถูกแบ่งแยกเนื่องจากทางสาธารณประโยชน์ตัดผ่าน ในนามเดิมวัดดงหวาย เนื้อที่ ๗๓ ตารางวา ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๗๗๕๓ และนามเดิมวัดดงหวาย เนื้อที่ ๑ ไร่ ๓๓ ตารางวา ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๗๗๕๔ แบ่งหักเป็นทางสาธารณประโยชน์ เนื้อที่ ๒ ไร่ ๒ ตารางวา ดังนั้น คงเหลือที่ดินของวัดดงหวายปัจจุบันด้านฝั่งตะวันตกของทางสาธารณประโยชน์ จำนวน ๔๗ ไร่ ๓ งาน ๗๕ ตารางวา ซึ่งแบ่งเป็นส่วน ๆ ดังนี้ ส่วนที่ ๑ เป็นพื้นที่อาคารเสนาสนะของวัดซึ่งอยู่ทางทิศเหนือ มีเนื้อที่ประมาณ ๒๓ ไร่ ๓ งาน ๗๕ ตารางวา ส่วนที่ ๒ (ยกเว้นที่ดินด้านทิศตะวันออกมีทางสาธารณประโยชน์ที่แบ่งหักออกจากโฉนดที่ดินของวัดกั้นระหว่างที่ดินส่วนที่ ๑ ขณะนี้มีประชาชนปลูกบ้านพักอาศัยอยู่ จำนวน ๕ ครัวเรือน เนื้อที่ ๑ ไร่ ๓๓ ตารางวา) ด้านทิศใต้เป็นถนนลูกรังกว้างประมาณ ๔ เมตร แบ่งกั้นระหว่างที่ตั้งวัดกับส่วนที่ ๒ โดยมีประชาชนปลูกบ้านพักอาศัย จำนวน ๒๖ ครัวเรือน เนื้อที่ประมาณ ๒๔ ไร่ ซึ่งกรรมการวัดได้แบ่งที่ดินในส่วนที่ ๒ เป็นรูปจัดสรร โดยมีที่ดินว่างเปล่าอยู่อีกจำนวนมากที่ยังมิได้ปลูกสร้างบ้านพักอาศัย ประชาชนได้จับจองไว้โดยทำสัญญากับวัดปีต่อปี ๒. ในบริเวณส่วนที่ ๑ ด้านทิศใต้ ได้ต่อเชื่อมกับพื้นที่วัดอยู่ติดกับอาคารเสนาสนะของวัด ซึ่งเป็นบริเวณที่เหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยาขอเช่า จำนวน ๑ ไร่ ปัจจุบัน ประชาชนได้ปลูกบ้านพักอาศัยแล้ว จำนวน ๒ ครัวเรือน สำนักงานพระพุทธ-ศาสนาแห่งชาติพิจารณาแล้วไม่สมควรให้กันเขตจัดประโยชน์เพราะจะบดบังทัศนียภาพของวัดและควรเก็บไว้เพื่อขยายบริเวณวัดในอนาคต ดังนั้น การขอกันเขตจัดประโยชน์ของเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และประชาชนที่ได้ปลูกบ้านพักอาศัยในบริเวณที่ ๓ จำนวน ๒ ครัวเรือน ควรย้ายไปอยู่รวมกันในที่ดินส่วนที่ ๒ ซึ่งเป็นที่ว่างเปล่าที่ประชาชนได้จับจองไว้ โดยมิได้ปลูกบ้านพักอาศัยแต่ประการใด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้นำเสนอคณะกรรมการพิจารณางบ-ประมาณศาสนสมบัติกลางประจำ (พศป.) เพื่อพิจารณาในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๑ เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๑ ที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติเห็นควรอนุมัติให้กันเขตจัด-ประโยชน์ตามเสนอ โดยให้กองพุทธศาสนสถานไปช่วยในการวางผังวัดใหม่ ให้มีรั้วรอบขอบชิดในส่วนที่กันเขตจัดประโยชน์ แยกจากอาคารเสนาสนะให้ชัดเจน และให้นำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณา ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติอนุมัติตามที่คณะกรรมการพิจารณางบประมาณ-ศาสนสมบัติกลางประจำ (พศป.) เสนอ

เอกสารประกอบเพิ่มเติม

เอกสารประกอบ 1 : CCF01792551_00234.pdf (809.25 kb)

จำนวนเข้าดู : 1033

ปรับปรุงล่าสุด : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00

ข้อมูลเมื่อ : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00