มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ 21/2545
มติที่ 341/2545
เรื่อง การขอยกวัดโคกแร่ (ร้าง) ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา
มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๒๑/๒๕๔๕ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม มติที่ ......... เรื่อง การขอยกวัดโคกแร่ (ร้าง) ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๒๑/๒๕๔๕ เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๕ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ส่งรายงานขอยก วัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ๑ วัด คือ วัดโคกแร่ (ร้าง) ตั้งอยู่ที่บ้านโคกแร่ หมู่ที่ ๑๒ ตำบลทุ่งโพธิ์ อำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดได้แจ้ง กรมการศาสนาขึ้นทะเบียนเป็นวัดร้างไว้ตามหนังสือที่ นศ ๒๓/๒๕๑๐ ลงวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๑๐ มีเนื้อที่ตั้งวัด ๘๒ ไร่ - งาน ๑๒ ตารางวา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย อาคารเสนาสนะที่สร้างแล้ว คือ ๑. อุโบสถ ๒. ศาลาการเปรียญ ๓. ศาลาธรรมสังเวช ๔. กุฏิสงฆ์ ๗ หลัง ๕. ห้องน้ำ ๖. โรงครัว มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ๙ รูป ระยะห่างจากวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษาในระแวกใกล้เคียง ทิศเหนือ อยู่ห่างจากวัดมัชฌิมภู ประมาณ ๓ กิโลเมตร ทิศใต้ อยู่ห่างจากวัดโพธิวงศาราม ประมาณ ๖ กิโลเมตร - ๒ - ทิศตะวันออก อยู่ห่างจากวัดควนเกย ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร ทิศตะวันตก อยู่ห่างจากวัดพรหมราช ประมาณ ๒.๕๐ กิโลเมตร กรมการศาสนาได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ แล้ว สรุปได้ดังนี้ ๑. วัดโคกแร่ (ร้าง) มีที่ดินที่ตั้งวัด เนื้อที่ ๘๒ไร่ งาน ๑๒ ตารางวา ยังไม่มี เอกสารสิทธิ์ที่ดินของวัด แต่ในทะเบียนวัดร้างที่จังหวัดแจ้งกรมการศาสนาก็มีอาณาเขตกว้างยาวในแต่ละทิศชัดเจน ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ได้มีการบูรณะและปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่โดยใช้ชื่อว่า วัดแร่ราษฎร์สุทัศน์ และปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เจ้าคณะอำเภอร่อนพิบูลย์ในขณะนั้นได้อนุญาตให้ใช้ที่ดินของวัดเป็นสถานที่สร้างโรงเรียน และเปิดสอนเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๐๒ โดยใช้ชื่อว่า โรงเรียนวัดแร่ราษฎร์สุทัศน์ ตามชื่อวัดที่เปลี่ยนไป และใช้ เป็นชื่อทางราชการมาจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๖ นายอำเภอร่อนพิบูลย์ (ปัจจุบันได้แยกตั้งเป็นอำเภอจุฬาภรณ์) ได้แต่งตั้งคณะกรรมการไปดำเนินการตรวจสอบอาณาเขตที่ดินของวัดแร่ราษฎร์สุทัศน์ พร้อมทั้งให้ทำแผนที่แสดงอาณาเขตและปักเขตไว้แล้วทุกทิศ ๒. ปัจจุบันที่ดินของวัดโคกแร่ (ร้าง) ได้มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินดังนี้ (๑) เป็นที่ตั้งโรงเรียนวัดแร่ราษฎร์สุทัศน์ และศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน เนื้อที่ ๑๗ ไร่ (๒) ปลูกสวนยางพาราของวัด เนื้อที่ ๑๖ ไร่ (๓) ให้เช่าที่ดิน ๑ ราย เนื้อที่ ๔ ไร่ เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและทำสวน (๔) เป็นที่ตั้งวัด เนื้อที่ประมาณ ๔๕ ไร่ ๓. มีเสนาสนะที่สร้างขึ้นเป็นหลักฐานถาวร ๔. มีพระภิกษุอยู่จำพรรษาไม่น้อยกว่า ๔ รูป ๕. ประชาชนในระแวกใกล้เคียงมีจำนวนมากพอที่จะให้การสนับสนุนและทำนุบำรุงให้วัดเจริญต่อไปได้ - ๓ - ในการนี้ผู้แทนเจ้าคณะใหญ่หนใต้ คือ พระศรีธรรมบัณฑิต และพระมหาอำนวย มหาปญฺโ? และเจ้าหน้าที่กรมการศาสนา คือ นางฐิติรัตน์ ลำดวน นางสาลี่ ทองธาระ และนายกิจจา สิงหสุรศักดิ์ ได้ไปตรวจสอบแล้ว เห็นสมควรยกวัดโคกแร่ (ร้าง) ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาได้ และเห็นว่า ในการยกวัดโคกแร่ (ร้าง) ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา สมควรใช้ชื่อว่า วัดแร่ราษฎร์สุทัศน์ เพื่อให้ชื่อวัดตรงกับเอกสารของทางราชการที่มีอยู่เดิม เพื่อสะดวกในการขอออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินของวัด กรมการศาสนามีความเห็นว่า ควรสนับสนุนให้ยกวัดโคกแร่ (ร้าง) ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาได้ โดยใช้ชื่อว่า วัดแร่ราษฎร์สุทัศน์ การขอยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาดังกล่าว ได้ปฏิบัติตาม กฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๓๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยได้ผ่านความเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง และเจ้าคณะพระสังฆาธิการเจ้าสังกัดตามลำดับแล้ว ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบให้ยกวัดโคกแร่ (ร้าง) ตำบลทุ่งโพธิ์ อำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา และเห็นชอบให้ตั้งชื่อว่า วัดแร่ราษฎร์สุทัศน์ ตามที่เสนอ
เอกสารประกอบเพิ่มเติม
เอกสารประกอบ 1 : CCF02982551_00350.pdf (112.52 kb)
จำนวนเข้าดู : 1606
ปรับปรุงล่าสุด : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00
ข้อมูลเมื่อ : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00