มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ 02/2562
มติที่ 38/2562
เรื่อง รายงานการประชุมหารือแนวทางการดูแลคณะสงฆ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๒ เลขาธิการมหาเถร-สมาคมเสนอว่า ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์การทำร้ายพระสงฆ์ที่วัดรัตนานุภาพ จังหวัดนราธิวาส จึงมีการประชุมหารือแนวทางการดูแลคณะสงฆ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กับคณะผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เวลา ๙.๐๐ น. ณ ห้องประชุม ๓ อาคารหลวงพ่อวัดปากน้ำ ๒ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่ง นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม ผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย พันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และคณะผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นั้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้สรุปรายงานการประชุม ดังนี้ ๑. รายงานสรุปเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส วันศุกร์ที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๒ เวลาประมาณ ๒๐.๓๐ น. ที่วัดรัตนานุภาพ บ้านโคกโก หมู่ที่ ๒ ตำบลโต๊ะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส คนร้ายจำนวน ประมาณ ๓ - ๔ คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ เป็นยานพาหนะและเดินเข้ามาทางป่าด้านหลังของวัด โดยกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามและอาวุธปืนพก ขนาด ๙ มิลลิเมตร ยิงใส่กลุ่มพระภิกษุที่กำลังนั่งสนทนาธรรมกันอยู่ภายในศาลาการเปรียญ เป็นเหตุให้พระภิกษุมรณภาพในที่เกิดเหตุ จำนวน ๒ รูป ได้รับบาดเจ็บอีก จำนวน ๒ รูป ได้นำส่งโรงพยาบาลสุไหงปาดี หลังก่อเหตุคนร้าย ได้หลบหนีเข้าไปภายในป่าทางด้านหลังของวัด จากการตรวจสอบทราบชื่อพระภิกษุทั้ง ๔ รูป ดังนี้ ๑) พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี เจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ มรณภาพ ในที่เกิดเหตุ ๒) พระสมุห์ อรรถพร ขุนอำไพ มรณภาพในที่เกิดเหตุ ๓) พระประเวศ สุขแก้ว ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลสุไหงปาดี และส่งต่อโรงพยาบาลสุไหงโกลก ๔) พระธนโชติ ชุมเลิศ ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลสุไหงปาดี และส่งต่อโรงพยาบาลสุไหงโกลก ๒. แนวทางการช่วยเหลือพระสงฆ์วัดรัตนานุภาพ จังหวัดนราธิวาส ที่มรณภาพและบาดเจ็บ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้รายงานต่อที่ประชุม ดังนี้ ๒.๑ สมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้รับการศพของพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ และพระสมุห์ อรรถพร ขุนอำไพ ไว้ในพระสังฆราชานุเคราะห์โดยตลอด และมีพระดำริว่า หากมีสิ่งใดเกี่ยวกับการคณะสงฆ์ในพื้นที่ยังบกพร่อง ขาดแคลน หรือพึงวิตก ขอเจ้าคณะพระสังฆาธิการนำความแจ้งมหาเถรสมาคม สำหรับการดำเนินการแก้ไขป้องกันได้ทุกเมื่อ ๒.๒ พระวิสุทธิวงศาจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคมและเจ้าคณะใหญ่ หนเหนือ และพระพรหมมุนี กรรมการหาเถรสมาคม เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ในฐานะประธานและรองประธานกองทุนวัดช่วยวัด ได้เห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนวัดช่วยวัด ช่วยเหลือพระภิกษุกรณีมรณภาพรูปละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) และกรณีได้รับบาดเจ็บรูปละ ๕๐,๐๐๐ บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) ๒.๓ นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้แทนฯ เดินทางลงพื้นที่เพื่อดูแลจัดงานศพให้เหมาะสม ช่วยเหลือคณะสงฆ์ และอยู่เป็นขวัญกำลังใจให้กับคณะสงฆ์ พร้อมเยี่ยมพระที่ได้รับบาดเจ็บ โดยนำผ้าไตรและดอกไม้ประทานของสมเด็จพระสังฆราช และเงินกองทุนวัดช่วยวัดไปมอบให้กับผู้แทนพระสงฆ์ที่มรณภาพรูปละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) และพระสงฆ์ที่บาดเจ็บ รูปละ ๕๐,๐๐๐ บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) ๓. ความต้องการของคณะสงฆ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้รับรายงานความต้องการของคณะสงฆ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนี้ ๓.๑ วัดควรมีรั้วรอบทุกด้านที่แข็งแรง เนื่องจากวัดที่เกิดเหตุ ด้านหลังวัดไม่มีรั้ว ผู้ร้ายเข้ามายิงพระทางด้านหลังวัด ๓.๒ ควรมีหน่วยความมั่นคงลาดตระเวนดูแลความมั่นคงทุกวัด ซึ่งวัดที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่ในแผนการลาดตระเวนรักษาความมั่นคง ๓.๓ สถานที่ประกอบกิจทางศาสนา และที่พักของพระสงฆ์ควรเป็นฝาคอนกรีต มีความมั่นคงกันกระสุนหรือหลบภัยเมื่อมีเหตุได้ เนื่องจากวัดที่เกิดกุฏิสงฆ์กั้นฝาด้วยไม้เชอร่า ๓.๔ ควรมีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ชรบ. ดูแลความปลอดภัยทางเข้าออกวัด ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ๓.๕ ควรจัดโครงการหรืออาสาสมัครคนรักวัด (ประชาชนอยู่เป็นเพื่อนพระในภาวะสถานการณ์ไม่ปกติ) ๔. มาตรการดูแลคณะสงฆ์ในระยะต่อไป ที่ประชุมได้เสนอความเห็นกันอย่างกว้างขวาง ได้ข้อสรุป ดังนี้ ๔.๑ เน้นเรื่องการบริหารจัดการภายในของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยให้มี รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ๑ คน ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ๑ คน หัวหน้าสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ๑ คน ทำงานร่วมกับ กอ.รมน.ภาค ๔ ส่วนหน้า ๔.๒ นำข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับวัด พระในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งหมด มาปรับปรุง เสนาสนะ ต่าง ๆ จัดสรรงบประมาณตามลำดับความสำคัญ ทำรั้ว และกล้องวงจรปิด ให้ประสานทหารช่างมาช่วยดำเนินการ ๔.๓ ประสานการทำงานกับฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ทั้งเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยต่างๆ รวมทั้งประสานให้มีผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเข้าร่วมประชุม ประเมินสถานการณ์ความเป็นไปในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ประสานหน่วยงานความมั่นคง ว่าจะช่วยในเรื่องช่องทางการสื่อสาร ความปลอดภัยเพิ่มเติม ได้หรือไม่ ๔.๔ พิจารณาจัดทำโครงการสร้างเครือข่ายคนรักษ์วัดจังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดกิจกรรม ดูแลวัด อาจรวมไปถึงค่าตอบแทนเพิ่มเติมจากฝ่ายความมั่นคง ๔.๕ การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ตามอำเภอต่าง ๆ ให้มีความถี่มากยิ่งขึ้น พบปัญหาอุปสรรค ให้รายงานมาที่ส่วนกลาง (การบูรณาการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีให้ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเข้าร่วมคณะด้วย โดยรัฐมนตรีจะนำหารือกับปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อไป) หลังจากที่ประชุมพิจารณาวาระต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ประธานการประชุมจึงมอบนโยบายเป็น ข้อสั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการ ดังนี้ ๑. แนวทางการดูแลคณะสงฆ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๑.๑ การดูแลพระสงฆ์วัดรัตนานุภาพที่ได้รับผลกระทบไปแล้ว - ช่วยเหลือเรื่องการศพให้เต็มที่เหมาะสม และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย - ดูแลสิทธิประโยชน์เรื่องการรักษาพยาบาลให้กับพระที่ได้รับบาดเจ็บ - ดูแลสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ควรได้รับอย่างเต็มที่ ๑.๒ แนวทางการดูแลคณะสงฆ์ที่ได้รับผลกระทบ - การปรับการบริหารของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดให้กระชับและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยขอให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มอบรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ๑ ท่าน ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ๑ ท่าน หัวหน้าสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๑ ท่าน รับผิดชอบงานพื้นที่ ๓ จังหวัด และ ๔ อำเภอชายแดนภาคใต้ นอกเหนือจากงานปกติ เพื่อบริหารจัดการงานในพื้นที่ สร้างหลักประกันการดูแลพระสงฆ์ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ร่วมกันทำงานกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เช่น กอ.รมน. ภาค ๔ ส่วนหน้า โดยเฉพาะ เรื่องความปลอดภัย ระบบการมี ชรบ. ให้กับวัดและคณะสงฆ์ ๒. การพิจารณาดำเนินการตอบสนองข้อเรียกร้องจากในพื้นที่ ๒.๑ ขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นำข้อมูลพื้นฐานทั้งหมดใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้บวก ๔ อำเภอ และจัดลำดับความเสี่ยง จัดลำดับความสำคัญ เพื่อจัดสรรงบประมาณในการซ่อมแซมปรับปรุงดูแลเสนาสนะให้มั่นคงแข็งแรง ดำเนินการเรื่องความปลอดภัยทางกายภาพ เช่น การจัดทำรั้วรอบขอบชิด การดูแลสถานที่ประกอบศาสนกิจ ดูแลพื้นที่โดยรอบ โดยจัดให้วัดในพื้นที่จังหวัด ชายแดนภาคใต้มีความสำคัญลำดับแรก ๒.๒ ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ และทำหนังสือขอให้ฝ่ายความมั่นคงจัดทหาร ตร. ชรบ. ดูแลความปลอดภัยวัดทุกวัด โดยให้ รมต.นร. ลงนามถึง ศอ.บต. กอ.รมน. ภาค ๔ ส่วนหน้า และผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๒.๓ ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเขียนโครงการจัดตั้ง เครือข่ายคนรักษ์วัด จัดอบรมประชาชน พระสงฆ์ เพื่อสร้างเครือข่ายดูแลวัดและพระสงฆ์โดยขอความร่วมมือฝ่ายความมั่นคงทำงานร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยประสานศูนย์ประสานข่าวกรองแห่งชาติภาค ๕ ปัตตานี และหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ๓. ประสานหน่วยงานความมั่นคงให้เชิญผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเข้าร่วมประชุมรับทราบสถานการณ์ เพื่อประโยชน์ในการเตรียมการด้านการรักษาความปลอดภัยให้กับวัดและพระสงฆ์ ๔. นำผลประชุมวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๒ นำเสนอในการประชุมมหาเถรสมาคม ในวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๒ ว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะรับเรื่องตามพระดำริของสมเด็จพระสังฆราช ที่ว่าหากมีสิ่งใดเกี่ยวกับการคณะสงฆ์ในพื้นที่ ยังบกพร่อง ขาดแคลน หรือพึงวิตก ขอเจ้าคณะพระสังฆาธิการนำความแจ้งมหาเถรสมาคม สำหรับการดำเนินการแก้ไขป้องกันได้ทุกเมื่อ พร้อมกันนี้ โปรดให้เชิญรับสั่งประทานพรให้เจ้าหน้าที่ตลอดจนประชาชนผู้มีความสามัคคีพร้อมเพรียงกันเพื่อสันติสุข จงประสบสวัสดิภาพ ช่วยกันเป็นกำลังในการทำนุบำรุงราชอาณาจักรไทยสืบไป ๕. ทำรายงานกราบเรียนนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) และรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นควรนำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดทราบ ที่ประชุมรับทราบ และมีข้อสังเกตว่าควรติดตั้งกล้องวงจรปิด
เอกสารประกอบเพิ่มเติม
เอกสารประกอบ 1 : c_02210162_38 รายงานการประชุมหารือแนวทางการดูแลคณะสงฆ์ในพื้นที่ชายแดนใต้.pdf (739.11 kb)
จำนวนเข้าดู : 1323
ปรับปรุงล่าสุด : 23 มกราคม พ.ศ. 2562 11:42:01
ข้อมูลเมื่อ : 23 มกราคม พ.ศ. 2562 11:42:01