ครั้งที่ 20/2563

มติที่ 520/2563

เรื่อง ขอความเห็นชอบบูรณปฏิสังขรณ์วัดร้างก่อนดำเนินการขอยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา (ธรรมยุต) จำนวน ๗ วัด

ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๒๐/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๓ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า สมเด็จพระวันรัต กรรมการมหาเถรสมาคมและปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าคณะใหญ่ คณะธรรมยุต ได้มีลิขิต ที่ ๐๐๑/๑๔๕ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓ แจ้งว่า สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะภาค ๔ - ๕ - ๖ - ๗ (ธรรมยุต) และพระเทพสารเมธี ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะภาค ๘ ได้ส่งรายงานการขอบูรณปฏิสังขรณ์วัดร้างก่อนดำเนินการยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา จำนวน ๗ วัด ดังนี้ ๑. วัดสะหลีดอยโตน (ร้าง) ตั้งอยู่ที่ บ้านแม่ปะ หมู่ที่ ๖ ตำบลสะเมิงเหนือ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ๒. วัดพระเจ้าดวงฤทธิ์ (ร้าง) ตั้งอยู่ที่ บ้านป่าก้าง หมู่ที่ ๒ ตำบลสันป่าเปา อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ๓. วัดกู่ (ร้าง) ตั้งอยู่ที่ บ้านท่าวังพร้าว หมู่ที่ ๕ ตำบลท่าวังพร้าว อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ๔. วัดต้นขาม (ร้าง) ตั้งอยู่ที่ บ้านโป่ง หมู่ที่ ๑๑ ตำบลบวกค้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ๕. วัดตาโก๋ (ร้าง) ตั้งอยู่ที่ บ้านโป่ง หมู่ที่ ๑๑ ตำบลบวกค้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ๖. วัดล่องกอขาม (ร้าง) ตั้งอยู่ที่ บ้านกอสะเลียม หมู่ที่ ๘ ตำบลบวกค้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ๗. วัดกุดน้ำแดง (ร้าง) ตั้งอยู่ที่ บ้านโคกศิลา หมู่ที่ ๒ ตำบลโคกศิลา อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขอนมัสการว่า การดำเนินการขอบูรณปฏิสังขรณ์วัดร้างก่อนดำเนินการยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา จำนวน ๗ วัด ดังกล่าว เป็นการดำเนินการ ตามกฎกระทรวง การสร้าง การตั้ง การรวม การย้าย และการยุบเลิกวัด การขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา และการยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา พ.ศ. ๒๕๕๙ หมวด ๗ กำหนดไว้ ดังนี้ ข้อ ๒๔ ผู้ใดมีความประสงค์ที่จะบูรณปฏิสังขรณ์วัดร้างแห่งใดให้เป็นวัดที่มีพระภิกษุ อยู่จำพรรษาได้ ให้ยื่นคำขอเป็นหนังสือไปยังผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดในจังหวัด ที่วัดร้างนั้นตั้งอยู่ ว่าตนมีศรัทธาที่จะบูรณปฏิสังขรณ์วัดร้างนั้น โดยแสดงหลักฐานว่าตนมีทรัพย์สิน เพียงพอที่จะดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์วัดร้างนั้น พร้อมรายละเอียดตามที่กำหนด ข้อ ๒๕ เมื่อผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดได้รับคำขอตามข้อ ๒๔ ให้ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของคำขอและหลักฐาน แล้วขอความเห็นจาก เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ นายอำเภอ และเจ้าคณะจังหวัด ที่เกี่ยวข้อง แล้วเสนอคำขอพร้อมความเห็นต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาเห็นสมควรให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดร้างได้ ให้เสนอคำขอพร้อมความเห็นไปยังเจ้าคณะภาค เจ้าคณะใหญ่ ที่เกี่ยวข้อง และผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธ-ศาสนาแห่งชาติ เมื่อเจ้าคณะภาค เจ้าคณะใหญ่ และผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นสมควรให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดร้างได้ ให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอคำขอบูรณปฏิสังขรณ์วัดร้างต่อมหาเถรสมาคมเพื่อพิจารณา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นควรนำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณา ที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบ และให้ดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุม

เอกสารประกอบเพิ่มเติม

เอกสารประกอบ 1 : c_20100963_520 บูรณวัดร้างก่อนยกวัดร้าง (ธ) จำนวน ๗ วัด.pdf (40.4 kb)

จำนวนเข้าดู : 1784

ปรับปรุงล่าสุด : 17 กันยายน พ.ศ. 2563 19:28:05

ข้อมูลเมื่อ : 17 กันยายน พ.ศ. 2563 19:28:05