มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ 11/2547
มติที่ 172/2547
เรื่อง ขอให้นำมติคณะรัฐมนตรีรายงานที่ประชุมมหาเถรสมาคม
ขอให้นำมติคณะรัฐมนตรีรายงานที่ประชุมมหาเถรสมาคม เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือ ที่ นร ๐๔๑๑(ลร ๗)/๒๒๓ ลงวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๔๗ แจ้งขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนา-แห่งชาติ นำมติคณะรัฐมนตรีรายงานที่ประชุมมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณา ดังนี้ ๑. คณะรัฐมนตรีรับทราบและเห็นชอบตามมติของคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ว่า ไม่เห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. . ที่วุฒิสภาพิจารณาเสร็จแล้ว และมีการแก้ไขเพิ่มเติมแตกต่างไปจากร่างเดิมของรัฐบาล ทั้งนี้ ให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันจากฝ่ายสภาผู้แทนราษฎร ๑๒ คน และฝ่ายวุฒิสภา ๑๒ คน เพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญต่อไป อนึ่ง รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ได้นำมติมหาเถรสมาคมในเรื่องเดียวกันนี้ แจ้งคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบด้วยแล้ว ๒. เห็นชอบตามข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีที่ว่า ควรมีการจัดตั้งสถานที่ทางพระพุทธศาสนาที่มีลักษณะทำนองเดียวกับพุทธมณฑลในส่วนภูมิภาคให้แพร่หลายเพิ่มขึ้น ในระยะแรก อาจพิจารณาจัดตั้งในบางจังหวัดที่มีความพร้อมก่อน โดยขอใช้พื้นที่สวน-สาธารณะ ที่วัด ที่ศาสนสมบัติกลาง ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน หรือที่เอกชนซึ่งยินดี ให้ใช้ประโยชน์ ทั้งนี้ มิให้มีลักษณะเป็นวัด ไม่เน้นการก่อสร้างทางวัตถุ แต่ควรใช้เป็นสวนสาธารณะที่สงบ ร่มรื่น ราษฎรใช้ออกกำลังกายได้ ประกอบพิธีการทางศาสนา ประชุมปรึกษาเรื่องทางศาสนา และใช้เป็นสถานที่แสดงธรรมได้ โดยรัฐจะสนับสนุนทางคณะสงฆ์หรือท้องถิ่นในส่วนของงบประมาณ และอาจเรียกว่า อนุพุทธมณฑล พุทธอุทยาน หรือ อื่นใดก็ได้ ๓. เห็นชอบตามข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีที่ว่า นอกจากการส่งเสริมให้ข้าราชการปฏิบัติธรรมอันเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลอยู่แล้ว ในปัจจุบัน การเผยแผ่ศาสนาแก่ประชาชนและเยาวชนในลักษณะอื่นนอกจากการเผยแพร่เอกสารหนังสือ เป็นเรื่องสำคัญ เพราะสามารถเข้าถึงประชาชนได้รวดเร็วและได้ผลดี ดังนั้น ควรส่งเสริมให้มีผู้ทำหน้าที่เผยแผ่ทางพระพุทธศาสนาที่มีคุณภาพให้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นในรูปของ พระธรรมกถึก องค์ปาฐกแสดงธรรม หรือแม้แต่ฆราวาสที่เคยอุปสมบท อุบาสิกา (แม่ชี) และผู้มีความรู้ทางศาสนา สามารถอธิบายเรื่องทางศาสนาและจริยธรรมแก่ประชาชนและเยาวชนได้ด้วยภาษาง่าย ๆ ทันสมัย ตรงประเด็นที่เป็นปัญหา ทั้งนี้ อาจสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งซึ่งทำหน้าที่ในส่วนการศึกษาดีอยู่แล้ว เข้ามามีบทบาทในการฝึกอบรมวิทยากรอาสาสมัครด้วยก็ได้ จึงขอประทานเสนอที่ประชุมเพื่อโปรดพิจารณา ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติดังนี้ ๑. ขออนุโมทนารัฐบาลที่มีความเห็นสอดคล้องกับมหาเถรสมาคม ๒. การสร้างอนุพุทธมณฑล หรือสถานที่ทางพระพุทธศาสนาที่มีลักษณะทำนองเดียวกับพุทธมณฑล ในส่วนภูมิภาค มหาเถรสมาคมขออนุโมทนาและพร้อมที่จะให้การสนับสนุน ๓. เห็นชอบตามที่รัฐบาลเสนอขอให้มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่ง เข้ามามีบทบาทในการฝึกอบรมวิทยากรอาสาสมัครเพื่อทำหน้าที่เผยแผ่ทางพระพุทธศาสนา ๔. ให้มีผู้แทนมหาเถรสมาคมเป็นที่ปรึกษาตามมติข้อ ๒ ประกอบด้วย ๑) สมเด็จพระญาณวโรดม วัดเทพศิรินทราวาส ประธานที่ปรึกษา ๒) พระพรหมวชิรญาณ วัดยานนาวา ที่ปรึกษา ๓) พระธรรมสิทธิเวที วัดสระเกศ ที่ปรึกษา ๔) พระธรรมกิตติเมธี วัดสัมพันธวงศ์ ที่ปรึกษา
เอกสารประกอบเพิ่มเติม
เอกสารประกอบ 1 : CCF00392551_00153.pdf (102.26 kb)
จำนวนเข้าดู : 1157
ปรับปรุงล่าสุด : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00
ข้อมูลเมื่อ : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00