มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ 26/2547
มติที่ 481/2547
เรื่อง ข้อมูลของวัดร้างในจังหวัดชายแดนภาคใต้
มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๒๖/๒๕๔๗ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม มติที่ ................................................................... เรื่อง ข้อมูลของวัดร้างในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๒๖/๒๕๔๗ เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๗ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๒๕/๒๕๔๗ เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๔๗ พระพรหมจริยาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ ได้แจ้งต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม ตามรายงานของ พระธรรมรัตนากร เจ้าคณะภาค ๑๘ สรุปได้ว่า จากสถิติปี พ.ศ. ๒๕๔๖ และปี พ.ศ. ๒๕๔๗ มีวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาลดลง รวม ๘ วัด คือ ๑. จังหวัดสตูล จำนวน ๓ วัด ๒. จังหวัดยะลา จำนวน ๓ วัด ๓. จังหวัดนราธิวาส จำนวน ๒ วัด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ไปตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงแล้ว ขอนมัสการว่า วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาใน ๓ จังหวัด ดังกล่าว ไม่ได้ลดลง แต่ประการใด ความผิดพลาดในสถิติดังกล่าวเกิดจากผู้จดรายงานระดับอำเภอ กล่าวคือ รายงานข้อมูลของจังหวัดสตูลและจังหวัดยะลา ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้นำสำนักสงฆ์ จำนวน ๓ แห่ง ไปรวมเป็นจำนวนของวัด เมื่อมีการปรับข้อมูลในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้ตรงกับความเป็นจริง จึงทำให้เกิดข้อสังเกตว่าจำนวนของวัดลดลง ส่วนจังหวัดนราธิวาส รายงานข้อมูลปี พ.ศ. ๒๕๔๖ แจ้งจำนวนวัดเกินไป ๒ วัด และรายงานปี พ.ศ. ๒๕๔๗ รายงานจำนวนที่พักสงฆ์ขาดไป จำนวน ๕ แห่ง สรุปดังนี้ - ๒ - ๑. จังหวัดสตูล ปี ๒๕๔๖ รายงานวัดที่ได้รับวิสุงคามสีมา จำนวน ๒๘ วัด สำนักสงฆ์ จำนวน ๕ แห่ง ที่พักสงฆ์ จำนวน ๒๓ แห่ง ปี ๒๕๔๗ รายงานวัดที่ได้รับวิสุงคามสีมา จำนวน ๒๕ วัด สำนักสงฆ์ จำนวน ๘ แห่ง ที่พักสงฆ์ จำนวน ๒๕ แห่ง ๒. จังหวัดยะลา ปี ๒๕๔๖ รายงานวัดที่ได้รับวิสุงคามสีมา จำนวน ๒๔ วัด สำนักสงฆ์ จำนวน ๑๓ แห่ง ที่พักสงฆ์ จำนวน ๙ แห่ง ปี ๒๕๔๗ รายงานวัดที่ได้รับวิสุงคามสีมา จำนวน ๒๑ วัด สำนักสงฆ์ จำนวน ๑๖ แห่ง ที่พักสงฆ์ จำนวน ๙ แห่ง ๓. จังหวัดนราธิวาส ปี ๒๕๔๖ รายงานวัดที่ได้รับวิสุงคามสีมา จำนวน ๕๙ วัด สำนักสงฆ์ จำนวน ๑๐ แห่ง ที่พักสงฆ์ จำนวน ๑๓ แห่ง ปี ๒๕๔๗ รายงานวัดที่ได้รับวิสุงคามสีมา จำนวน ๕๗ วัด สำนักสงฆ์ จำนวน ๑๐ แห่ง ที่พักสงฆ์ จำนวน ๘ แห่ง จากข้อมูลดังกล่าว พบว่า มีที่พักสงฆ์ จำนวน ๓ แห่ง ในจังหวัดนราธิวาส ที่มีลักษณะขาดพระพำนักอยู่ประจำถาวร เพราะสภาพพื้นที่ สิ่งแวดล้อม และลักษณะของกิจกรรมไม่อำนวย ได้แก่ ๑. ที่พักสงฆ์บ้านไร่ ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ ตั้งอยู่ในชุมชนพุทธ ประมาณ ๓๕ ครัวเรือน เดิมได้รับการสนับสนุนจากวัดธารากร ซึ่งตั้งอยู่ห่างประมาณ ๒ กิโลเมตร จัดส่งพระภิกษุไปอยู่เพื่อความสะดวกต่อชุมชนในการทำบุญประกอบพิธีต่าง ๆ ต่อมา เนื่องจากจำนวนพระภิกษุมีน้อย ประกอบกับเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ จึงทำให้มีพระภิกษุมาปฏิบัติศาสนกิจหรือพำนักเป็นครั้งคราวในเวลาที่มีการนิมนต์เฉพาะมีงาน หรือในช่วงเวลานอกพรรษาเท่านั้น - ๓ - ข้อเสนอ : ที่ตั้งของวัดทราบว่า ได้รับแจ้งการบริจาคแล้วแต่ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์จึงให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดประสานกับทายาทผู้บริจาคให้โอนสิทธิ์ซึ่งอาจจะเป็นลักษณะที่ธรณีสงฆ์ของวัดธารากรต่อไป ๒. ที่พักสงฆ์ทักษิณธาราสวรรค์ ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก ตั้งอยู่ใน ชุมชนพุทธ และชุมชนมุสลิม ประมาณ ๕๐ ครัวเรือน ล้อมรอบ บริเวณที่ตั้งมีความเจริญ แต่เหตุผลที่ขาดพระประจำ เนื่องจากเจ้าคณะจังหวัดและเจ้าคณะอำเภอมีความเห็นว่า พระที่พำนักอยู่เดิมมีอาจารและความประพฤติไม่เหมาะสม และเป็นที่ครหาของชาวบ้าน จึงได้ออกคำสั่งมิให้พระมาพำนักอยู่ ประกอบกับสถานการณ์ในพื้นที่ไม่มีความปลอดภัย จึงให้ชะลอการจัดหาพระใหม่มาพำนักอยู่จนกว่าจะมีความมั่นใจต่อสถานการณ์ และขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการประสานเรื่องสิทธิ์ที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งให้มีการโอนให้แล้วเสร็จ คาดว่าจะจัดตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมต่อไป (ร้างมาประมาณ ๖ เดือน) ๓. ที่พักสงฆ์โต๊ะเวาะ ตำบลปูโยะ อำเภอสุโหงโก-ลก มีขนาดพื้นที่ ๑.๕ ไร่ ตั้งอยู่ในชุมชนมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ โดยจะมีครอบครัวชาวพุทธอยู่ประมาณ ๒๕ ครอบครัว เดิมจะมีพระภิกษุ ๑ - ๒ รูป และชี อยู่ประจำ แต่เนื่องจากการปฏิบัติศาสนกิจที่เกี่ยวข้องกับชุมชนมีน้อย ประกอบกับชาวพุทธในพื้นที่จะไม่มีเวลามาทำบุญหรือประกอบพิธี เพราะต้องประกอบอาชีพ (ทำนาและสวนผลไม้) จึงทำให้ไม่มีพระมาพำนักอยู่ประจำ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นควรนำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรด ทราบ ที่ประชุมรับทราบ (นายจักรธรรม ธรรมศักดิ์) เลขาธิการมหาเถรสมาคม
เอกสารประกอบเพิ่มเติม
เอกสารประกอบ 1 : CCF00492551_00144.pdf (123.82 kb)
จำนวนเข้าดู : 1062
ปรับปรุงล่าสุด : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00
ข้อมูลเมื่อ : 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 08:00:00